วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557

ความคิดที่แตกต่าง ..แต่ไม่ได้แตกแยก

คุณเคยตั้งคำถามไหม...? 
ทำไมเราต้องเรียนหนังสือ เก่งๆจบสูง เพื่อมาอยู่ในสังคมที่เดิมๆ หรือเหมือนๆกัน

   คำถามนี้อาจจะดูแปลกซักหน่อยสำหรับคนที่ไม่คิดตั้งคำถามแบบนี้ ตอนเด็ก เราโดนบังคับให้ไปเรียนเหมือนๆคนอื่นเค้า เพื่ออะไร...? (ถ้าเราไม่ไปจะเกิดอะไรขึ้นสำหรับเรา) เรากลายเป็นเด็กที่โง่และแตกต่างจากคนอื่น อย่างนั้นหรือ
   ผมคำตอบน่ะ...ถ้ามองด้านสังคมและการปกครอง เราถูกครอบงำตั้งแต่เด็กให้คิดในแง่แบบที่ยอมรับในสิ่งที่สังคมกำหนดมาให้เข้าใจแบบนั้น(ผมอธิบายแบบนี้คุณเข้าใจไหม) เช่น เราโดนบังคับให้เรียนในสิ่งที่เราโตมาไม่เคยได้ใช้มัน เช่นกระบี่กระบอง ระบอบประชาธิปไตยที่ไม่รู้ว่าแบบไหนดี..
  ผมมานั่งคิดถึงคำว่่า ชีวิตและสังคม แล้ว บางทีก็เศร้าใจครับ..พวกเราโดนบังคับให้เราเรียนตั้งแต่เด็ก จบมาให้สูงๆเพื่อมาอยู่ในระบอบระเบียบ ของสังคม ที่เราไม่ต้องการก็มี มาเห็นม็อบที่ผู้ใหญ่ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง เห็นกฎหมายที่เริ่มจะดูเสื่อมลง ได้เห็นผู้คนต่างๆดินรนอยู่รอดในสังคม เพื่อคำว่าเงิน จนบางที่ถามตัวผมเองว่า...พวกเค้าจะค้นพบความสุขๆ จริงๆ บ้างหรือไม่...? ไม่ใช่แบบดีใจที่ได้ออกรถมา แล้วต้องเป็นหนี้ ผ่อนชำระต่อ เอารถเหล่านั้นไปจอดติดกันบนถนน เพื่อความโก้หรู เสียภาษีให้นักกการเมืองเอาไปโกงกิน ในยุคของพวกเราจะมีใครกล้าพอที่จะทำอะไรใหม่ๆในชีวิตบ้างไหม การศึกษาของเด็กไทย ยุคต่อไป เค้าจะสอนอะไรให้ดีกว่านี้หรือไม่
  วิธีคิดหนึ่งวิธี ที่น่าจะเกิดขึ้นในสังคมไทยนั้น...สำหรับผมผมคิดอย่างนี้ครับ บางคราวเราควรหัดกลับมาดูความเป็นจริงของเรา ไม่ว่าจะเป็น บ้านเมือง เศรษฐกิจ ความคิด ภูมิประเทศ.....อะไรที่เหมาะกับเราจริงๆ ไม่ใช่บังคับให้ลูกหลานเรานั้น ต้องเรียนเพื่อมาตกเป็น ทาสสังคม ทาสการเงิน ทาสความคิดเดิมๆที่ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆ ไม่ได้สอนให้เด็ก กล้าที่จะคิดจะทำ แล้วสร้างสรร์มันออกมาเพื่อ ตัวเค้าเอง เพื่อครอบครัว ประเทศชาติ ให้ดีกว่านี้

Mr.T จริงๆ ถ้าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ดีเราก็ควร ปลดท่านออก (เหมือน มอยส์) มัั้งน่ะครับ เพื่อให้คนใหม่ๆเด็กใหม่ๆมาสร้างสรรค์ชาติให้ดีขึ้น

วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557

เข้าใจในความหมายของ "การกอด"....

  ผมกับ Tam Jirayuth ไม่ได้พบกันนานแล้วครับ... จนเมื่อวันที่ 17 เมษาที่ผ่านมาเรามีโอกาสได้กลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง.. ทุกครั้งที่เราเจอกัน ผมจะเป็นฝ่ายขอเข้าไปกอดน้องแล้วบอกว่าคิดถึง
แต่ครั้งนี้...น้องเป็นคนเข้ามากอดผม และบอกว่าคิดถึง....แต่ที่มันน่าแปลกคือ "น้อง---กอด---นาน---มาก...." 
   แทบไม่ต้องพูด แต่ผมเข้าใจที่น้องเป็น ใบหน้าฝืนยิ้มให้ สายตาบ่งบอกถึงสิ่งที่เก็บไว้ในจิตใจ แต่เพราะความเป็นผู้ชายที่เข้มแข็ง จึงเก็บมันเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ พูดไปเค้าก็เข้มแข็งดี
  ผมถามน้อง"เป็นอะไร" เค้าตอบสั้นๆ "ไม่เป็นไร พี่ !!" ผมหันไปมองอีกครั้ง... น้องยิ้มให้ หลบตาแล้วบอกว่า "เดี๋ยวค่อยคุยกันครับ".. ไปหาเจ้ๆก่อน
    ผ่านไปไม่นาน..เราไปถึงบ้านเจ้รุ่งๆ เจ้รุ่งชวนนั่งดื่มทันที แล้วบอกว่าไม่ได้เจอกกันนาน ต้องฉลอง... "น้องไม่พูดอะไร เอา แต่ ดื่ม ดื่ม และก็ดื่ม" จนผมเองเริ่มแปลกใจ ว่าอะไรทำให้เค้าเป็นแบบนี้ ผู้ชายคนนึงที่ เป็นสุภาพบุรุษมากๆ อารมณ์ดีและเทคแคร์ใส่ใจผู้อื่นตลอดเวลา ผู้ชายที่เคารพให้เกียรติผู้อื่นเสมอ อะไรที่ทำให้เค้าเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้...หน้าตามีแต่ความทุกข์ ไม่สนุกกับชีวิตของตนเอง ...
จึงเริ่มค้นหาคำตอบ...
  "คนรักของเค้า"...เป็นส่วนนึงของเรื่องราวที่เค้าเป็นแบบนี้ เค้าไม่มีความสุขเพราะคำว่า "คนรักหรือความรัก" เมื่อตอนแรกรักกัน ความรักช่างหอมหวาน เหมือนเราในวัยเด็ก ไม่ต้องคิดเรื่องความรับผิดชอบ มีแค่สิ่งเดียว นั้นคือความรู้สึก"รัก"ที่มีให้กันเท่านั้น แต่พอเริ่มมีครอบครัวร่วมกัน เธอและเค้า ต้องเปลี่ยนไป เพื่ออยู่ในสังคม เธอไม่พอใจเค้า เค้าไม่ได้อย่างใจเธอ ความรู้สึกมันจึงเริ่มเปลี่ยนไป การแสดงออกก็เปลี่ยนไป จากเคยพูดกันดีๆ กลายเป็นใช้อารมณ์ต่อกัน จากเคยกอดกัน กลายเป็น ต่างคนต่างนอน..
   เรื่องราวเหล่านี้...เป็นเรื่องปกติของ"คนและสังคม" ช่วงเวลาเหล่านี้ คือบทพิสูจน์ของ"คนและความรัก" ใครหลายคนที่ผ่านบททดสอบนี้ ก็จะอยู่คู่กัน และรักกันได้อย่างยาวนาน แต่คู่ไหนที่แพ้บททดสอบ ผมคงไม่ต้องอธิบาย...ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป....
   ตัวผมเอง เชื่ออยู่สิ่งนึง ในชึวิต สำหรับน้องคนนี้ ผมเชื่อว่าเค้าเป็น"คนดี" ขยัน ให้เกียรติ และเข้าใจ จะทำให้เค้านั้น ผ่านบททดสอบนี้ไปได้.. เพราะยังไง หมาป่า(Wolf) ก็ยังคงเป็นหมาป่า อยู่วันยังคำ่..
Mr.T ประโยคเดียวที่ผมบอกกับน้องก่อนมาคือ"เข้มแข็งไว้น่ะ เหนื่อยก็พักบ้าง สำคัญมากอีกเรื่อง...อย่าลืมหาความสุขให้ตัวเองด้วยหล่ะ !!!"

วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2557

ผู้ชายแบบไหนที่ชอบผู้หญิงตอนเมา ...?

   มันดูเป็นเรื่องน่าตลกมากสำหรับคำถามนี้ครับ เพราะคำถามนี้มันเป็น...
   คำตอบที่ได้จากผู้ชายคนนึงที่ชื่อ"เชษฐ์" แต่งตัวดูเถื่อน พูดจาดูห้วนๆ ไม่สนโลก แต่จิตใจและความคิด แตกต่างจากสิ่งที่เป็นภายนอกครับ...
   คำตอบ ที่แกอธิบายให้ผมฟังว่าทำไมชอบผู้หญิงตอนเมาคือ.... "รู้ไหม เวลาผู้หญิงเมา เป็นช่วงเวลาที่น่ารักที่สุด เพราะเธอจะปล่อย ความต้องการของตัวเองออกมา คนเราเวลาเมาไม่สามารถปิดกลั้น ตัวตนของตัวเองและความรู้สึกนึกคิดในใจได้หรอกมันทำให้เราได้เห็น ว่าแก่นแท้ที่จริงๆ คนๆนั้นว่าเป็นคนยังไง" ฟังแล้ว อึ้งครับ !!! ผมถามพี่เค้าต่อ "แล้วพี่ไม่คิดเรื่องเซ็ก หรือ ความต้องการอย่างอื่นหรอ...?" แกตอบ "คิดสิ !!(ในใจผม ว่าแล้ว ผู้ชายก็งี้) แต่ผู้หญิงต้องต้องการเราน่ะ.... เชื่อไหม พี่ไม่เคยข่มขืนหรือขืนใจผู้หญิงเลยน่ะ จะบอกว่าที่เราควรทำเวลาเค้าเมาหรือสนุกน่ะ คือการต้องดูแลและให้ความปลอดภัยกับเค้า เวลาเค้ามีความสุข เรื่องของเซ็กกับความต้องการอื่นๆน่ะ มันเรื่องเล็กน้อย ผู้ชายเราควรต้องเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ใช่ล่วงเกินเวลาผู้หญิงเค้า ไม่มีสติ อย่างนั้นเค้าไม่เรียกลูกผู้ชายหรอก" ...
คำนิยามสั้นจากการพูดคุยไม่กี่คำ ทำเราได้เรียนรู้ ความสุขที่แ้จริง มันไม่ใช่เรื่องบนเตียงหรอก แต่มันเป็นการที่เราได้เสพความสุขจากสิ่งรอบตัวมากกกว่า ผู้ชายเราส่วนใหญ่มีความคิดผิดๆแปลกๆครับ อยากได้ผู้หญิงหลายๆคน แต่แปลกตรงที่ ไม่อยากได้ผู้หญิงสักคน ที่คุณอยากจะดูแลเค้าบ้างหรือ...? และจะดีไปกว่านั้น ถ้าเธอคนนั้นต้องการแค่คุณคนเดียวไม่ใช่ใครก็ได้ หรือใครสักคน
Mr.T เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า"สุภาพบุรษลูกผู้ชาย ไม่ใช่ผู้ชายที่เห็นแก่ได้"เพียงอย่างเดียว

วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2557

ว่าด้วยเรื่องของคำว่า"สุภาพบุรษลูกผู้ชาย"...

  ผมเพิ่งมาเข้าใจความหมายของมันเมื่อได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้ ที่ชื่อว่า "เชษฐ์" เมื่อตอนอยู่"สะพานพุทธ"

  จุดเริ่มต้นของการได้รู้จักผู้ชายคนนนี้และคำๆนี้คงมาจากที่ผมได้เข้าไป ใช้ชีวิตในสะพานพุทธ ซึ่งผมเองให้นิยามสะพานพุทธว่า "มหาวิยาลัยชีวิต" ครั้งแรกที่ได้เจอพี่เชษฐ์ นั้นผมไม่เคยลืมเลยครับ ผมไปเปิดร้านใหม่ อยู่ใกล้ท่านำ้ที่เค้าเรียกว่า"โป๊ะ" ครั้งแรกที่เดินไป ผมเจอสายตาผู้ชายคนนึงที่มองมาที่เรา ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ดุ เอาเรื่อง และดูเหมือนจะไม่ชอบพอในตัวเราเสียเลย จากนั้นผมเริ่มติดใจ จึงพยยามสังเกตุพี่เค้าครับ ว่า เค้าไม่พอใจเราตรงไหนหรือเปล่า แต่ปรากฎว่า แกมองแบบนี้กับทุกคน ยกเว้น"สาวๆหน้าตาดี"

  อืม !! ที่ผมเล่ามาจริงหมดครับ ผมหล่ะงงจริงๆ ....คิดตามผมน่ะครับ ผู้ชายหน้าตารูปร่างเหมือนพี่ โจ้วง Pause หน้าขาว ตาคม แต่งตัวแบบแนวเมทัล คือ ใส่ถุงเท้าขึ้นมายันเข่า กางเกงสีดำสี่ส่วน เสื้อลายเมทัลร็อคโหดๆ สายตาไม่พอใจใคร แต่......"มานั่งเย็บผ้า ด้วยจักรที่หน้าโป็ะ" .....คือในความรู้สึกผมมันไม่เข้ากันเลยครับ ครั้งแรกที่ผมได้เห็นแก บอกตรงๆครับ น่ากลัวมากไม่น่าไปยุ่งเลย แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ จะมีสาวๆ เข้ามาหาแกเยอะมาก บางคนก็เข้ามากอด บางคนก็เข้ามาพูดคุยแบบสนุกสนานมาก ผมนี่แอบหมั่นไส้แกเล็กๆ แต่ต้องเข้าใจ แกหล่อจริง ต้องยอมครับ..

Mr.T เรื่องที่ผมแปลกใจในซีซั่นนี้คือ ผู้ชายหน้าตาดีคนนึง ทำไมถึงเลือกมานั่งเย็บผ้าแบบนี้ว่ะ แปลกกว่านั้น แต่งตัวโคตรแนว แต่ทำไมมาทำอาชีพนี้ฟ่ะ น่าหมั่นไส้กว่า ทำไมสาวๆรุมแกเยอะจังว่ะ...


ว่าด้วยเรื่องของคำว่า"สุภาพบุรษลูกผู้ชาย"...2

   หลังจากนั้นไม่นานผมได้มีโอกาสได้รู้จักกับแกมากขึ้นครับ ประโยคแรกที่แกเรียกผม ผมยังจำได้เลยครับ "เฮ้ย..เราอ่ะ มานี่ดิ่" ผมก็เดินเข้าไปหาแกแบบกลัวๆกล้าๆ "มาเปิดร้านใหม่หรอ ขายอะไรอ่ะ" "บ็อกเซอร์ครับ" อืม บ็อกเซอร์คืออะไร หมาหรอ..!! คนเค้าจะซื้อหรอ" ผมเอง งง!!เลยครับ ไม่รู้แกมาไม้ไหน ผมก็ตอบ"ไม่ใช่ครับพี่ มันเป็นกางเกงที่ใส่ข้างในครับ คล้ายๆกางเกงใน แต่มันยาวกว่าและใส่เป็น   กางเกงขาสั้นได้ด้วย" อ้อหรอ..."ได้ข่าวมีหลายร้านนี่เราอ่ะ" ผมตอบ "ใช่ครับ" เอ่อ มันขยันจริงๆ ยังไงก็อย่าลืมหาเวลาไปใช้เงิน หาความสุขบ้างหล่ะ ทำแต่งานจนลืมตัวเอง แก่ไปจะเสียดายน่ะ 555" ผมฟังแล้ว อึ้งครับ ได้แต่ตอบ "ครับ" แล้วเดินไป แค่วันแรกที่ผมได้คุยกับพี่เค้า มันยิ่งตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับตัวแกมากขึ้นครับ.. เพราะส่วนใหญ่คนที่สะพานพุทธก็น่ากลัวกันอยู่แล้ว แต่"คำพูดที่แกพูดออกมา มันเต็มไปด้วยความเข้าใจและกำลังใจ" มาในคำพูดเหล่านั้น "ท่าทาง บุคคลิกกับพฤติกรรมที่แกเป็นภายนอก มันช่างแตกต่างกับความคิดและจิตใจ"ของแกเหลือเกินครับ หลังจากนั้นไม่นานผมก็มีโอกาสได้พูดคุยกับแกมากขึ้น จนเริ่มสนิทกัน

  ผมยังจำคำถามที่ผมถามพี่เชษฐ์ได้อยู่เลยครับ "พี่เชษฐ์ ชอบผู้หญิง แบบไหน...?" รู้ไหมครับแกตอบผมว่าออะไร แกตอบ"ชอบผู้หญิง ตอนเมา....!!!!"

Mr.T ผู้ชายแบบไหนที่ชอบผู้หญิงตอนเมา ผู้ชายแบบไหนที่มีบุคลิกแตกต่างจากความคิดของตัวเอง มันน่าสนใจจริงๆน่ะ ให้ตายสิ!!!

ว่าด้วยเรื่องของคำว่า"สุภาพบุรษลูกผู้ชาย"...1

    ผมเพิ่งมาเข้าใจความหมายของมันเมื่อได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้ ที่ชื่อว่า "เชษฐ์" เมื่อตอนอยู่"สะพานพุทธ"
   จุดเริ่มต้นของการได้รู้จักผู้ชายคนนนี้และคำๆนี้คงมาจากที่ผมได้เข้าไป ใช้ชีวิตในสะพานพุทธ ซึ่งผมเองให้นิยามสะพานพุทธว่า "มหาวิยาลัยชีวิต" ครั้งแรกที่ได้เจอพี่เชษฐ์ นั้นผมไม่เคยลืมเลยครับ ผมไปเปิดร้านใหม่ อยู่ใกล้ท่านำ้ที่เค้าเรียกว่า"โป๊ะ" ครั้งแรกที่เดินไป ผมเจอสายตาผู้ชายคนนึงที่มองมาที่เรา ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ดุ เอาเรื่อง และดูเหมือนจะไม่ชอบพอในตัวเราเสียเลย จากนั้นผมเริ่มติดใจ จึงพยยามสังเกตุพี่เค้าครับ ว่า เค้าไม่พอใจเราตรงไหนหรือเปล่า แต่ปรากฎว่า แกมองแบบนี้กับทุกคน ยกเว้น"สาวๆหน้าตาดี"
    อืม !! ที่ผมเล่ามาจริงหมดครับ ผมหล่ะงงจริงๆ ....คิดตามผมน่ะครับ ผู้ชายหน้าตารูปร่างเหมือนพี่ โจ้วง Pause หน้าขาว ตาคม แต่งตัวแบบแนวเมทัล คือ ใส่ถุงเท้าขึ้นมายันเข่า กางเกงสีดำสี่ส่วน เสื้อลายเมทัลร็อคโหดๆ สายตาไม่พอใจใคร แต่......"มานั่งเย็บผ้า ด้วยจักรที่หน้าโป็ะ" .....คือในความรู้สึกผมมันไม่เข้ากันเลยครับ ครั้งแรกที่ผมได้เห็นแก บอกตรงๆครับ น่ากลัวมากไม่น่าไปยุ่งเลย แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ จะมีสาวๆ เข้ามาหาแกเยอะมาก บางคนก็เข้ามากอด บางคนก็เข้ามาพูดคุยแบบสนุกสนานมาก ผมนี่แอบหมั่นไส้แกเล็กๆ แต่ต้องเข้าใจ แกหล่อจริง ต้องยอมครับ..

  Mr.T เรื่องที่ผมแปลกใจในซีซั่นนี้คือ ผู้ชายหน้าตาดีคนนึง ทำไมถึงเลือกมานั่งเย็บผ้าแบบนี้ว่ะ แปลกกว่านั้น แต่งตัวโคตรแนว แต่ทำไมมาทำอาชีพนี้ฟ่ะ น่าหมั่นไส้กว่า ทำไมสาวๆรุมแกเยอะจังว่ะ...

ว่าด้วยเรื่องของคำว่า"สุภาพบุรษลูกผู้ชาย"...2

  หลังจากนั้นไม่นานผมได้มีโอกาสได้รู้จักกับแกมากขึ้นครับ ประโยคแรกที่แกเรียกผม ผมยังจำได้เลยครับ "เฮ้ย..เราอ่ะ มานี่ดิ่" ผมก็เดินเข้าไปหาแกแบบกลัวๆกล้าๆ "มาเปิดร้านใหม่หรอ ขายอะไรอ่ะ" "บ็อกเซอร์ครับ" อืม บ็อกเซอร์คืออะไร หมาหรอ..!! คนเค้าจะซื้อหรอ" ผมเอง งง!!เลยครับ ไม่รู้แกมาไม้ไหน ผมก็ตอบ"ไม่ใช่ครับพี่ มันเป็นกางเกงที่ใส่ข้างในครับ คล้ายๆกางเกงใน แต่มันยาวกว่าและใส่เป็นกางเกงขาสั้นได้ด้วย" อ้อหรอ..."ได้ข่าวมีหลายร้านนี่เราอ่ะ" ผมตอบ "ใช่ครับ" เอ่อ มันขยันจริงๆ ยังไงก็อย่าลืมหาเวลาไปใช้เงิน หาความสุขบ้างหล่ะ ทำแต่งานจนลืมตัวเอง แก่ไปจะเสียดายน่ะ 555" ผมฟังแล้ว อึ้งครับ ได้แต่ตอบ "ครับ" แล้วเดินไป แค่วันแรกที่ผมได้คุยกับพี่เค้า มันยิ่งตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับตัวแกมากขึ้นครับ.. เพราะส่วนใหญ่คนที่สะพานพุทธก็น่ากลัวกันอยู่แล้ว แต่"คำพูดที่แกพูดออกมา มันเต็มไปด้วยความเข้าใจและกำลังใจ" มาในคำพูดเหล่านั้น "ท่าทาง บุคคลิกกับพฤติกรรมที่แกเป็นภายนอก มันช่างแตกต่างกับความคิดและจิตใจ"ของแกเหลือเกินครับ หลังจากนั้นไม่นานผมก็มีโอกาสได้พูดคุยกับแกมากขึ้น จนเริ่มสนิทกัน
  ผมยังจำคำถามที่ผมถามพี่เชษฐ์ได้อยู่เลยครับ "พี่เชษฐ์ ชอบผู้หญิง แบบไหน...?" รู้ไหมครับแกตอบผมว่าออะไร แกตอบ"ชอบผู้หญิง ตอนเมา....!!!!"

Mr.T ผู้ชายแบบไหนที่ชอบผู้หญิงตอนเมา ผู้ชายแบบไหนที่มีบุคลิกแตกต่างจากความคิดของตัวเอง มันน่าสนใจจริงๆน่ะ ให้ตายสิ!!!

วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557

ว่าด้วยความ "เจ้าชู้"...

   คุณเคยคิดไหม ความเจ้าชู้มันเกิดจากอะไร ลองนั่งทบทวนแล้วแยกความคิดออกจะเห็นว่า..มันต้องประกอบด้วย บุคคลที่มากกว่า 2 คน หรือนิยามเกินความหมายคำว่าคู่ ซึ่งมันเป็นพฤติกรรมมี่ใช้ ท่าทางการแสดงออกให้เห็น ว่ามีความหลายใจมากกว่าหนึ่งคน(ไม่ถูกจำกัดคำว่าเพศ อายุ หรือการศึกษาในการเป็นคนเจ้าชู้)
   คนเจ้าชู้ส่วนใหญ่เกิดจากอะไร ...คำตอบคือ คนเจ้าชู้มักเป็นหน้าตาดี มีเสหน์ มีความสามารถ มีฐานะ เข้ามาเป็นส่วนประกอบ ยกตัวอย่างเช่น คุณหน้าตาเหมือนคุณหมำ่แถมยังจน บอกได้เลยว่า คุณเจ้าชู้ได้ แต่ใครจะเอาคุณ (พอเห็นภาพไหมครับ ?)
   ความเจ้าชู้ทำให้เกิดอะไรขึ้นได้บ้าง ...อย่างแรกคำตอบคือ คนที่โดนกระทำเจ้าชู้ใส่แล้วมารู้ทีหลัง เค้าจะเกิดความรู้สึกไม่ดี ยิ่งเป็นคนที่มีครอบครัวแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ผลต่อมาคือ อารมณ์ การแสดงออก ถ้าเค้ามีอิทธิพล เงินทอง อำนาจ คนที่เจ้าชู้ ก็อาจจะซวยไป
  ความเจ้าชู้นี่ก็แปลก...คนบางคนอยู่เฉยๆก็มีคนเข้ามาชอบพอ เอาใจ หวังอะไรในบางสิ่งจากคุณ คนส่วนใหญ่ไม่ชอบคำๆนี้ แต่ก็ต้องเจอกับคนแบบนี้ทุกวี่วัน

Mr.T สรุปนิยามความเจ้าชู้ ไม่ได้ช่วยอะไรให้โลกใบนี้ดีขึ้น ถ้าเลือกได้ก็พยายามยามห่างๆคนเหล่านี้หรือคนพวกนี้ไว้เถอะครับ เพราะไม่อย่างนั้น คุณอาจจะจบลงด้วยนำ้ตา

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557

เรื่องเล่าวันอาทิตย์....

เรื่องเล่าวันอาทิตย์....

    ผมมีโอกาสได้ขึ้นแท็กซี่และพูดคุยกับคนขับ จนต้องบอกว่าแปลกใจใจความคิดและการกระทำของลุงเค้า จึงเอามาเล่าต่อครับ

    เรื่องมันเกิดจากคำถามที่ว่า "เอ่อ ไอ้หนุ่ม เป็นคนจังหวัดอะไร"คำตอบ "ทำไมหรือครับลุง หน้าผมเหมือนคนต่างจังหวัด หรอ..." เปล่า..."คือ ลุงรับเด้กผู้หญิงคนนนึงมาเมื่อวาน อายุน่าจะประมาณสัก 20 กว่าๆนี่หล่ะ เค้าบอกให้ลุงไปส่งที่หมอชิต พอลุงขับๆไป เด็กคนนนี้ก็บอกลุงว่า เธอไม่มีค่ารถให้ลุงหรอกน่ะ ลุงจะพาเธอไปไหน ทำอะไรก็ได้แล้วแต่ลุง "ลุงได้ยินอย่างนั้น ก็แปลกใจ ลุงจึงรีบพาเธอไปบ้านของลุงเลยน่ะ เพราะเวลานั้นเกือบ สี่ทุ่มหล่ะ....ลุงบอกเดี๋ยวมันจะเช้า...

Mr.T ผมเล่าแค่นี้ก่อน ไเดี๋ยวมาเล่าต่อ (ฝากไว้ให้คิด)คุณว่าลุงเป็นคนยังไง

เรื่องเล่าวันอาทิตย์....2

  หลังจากคุณลุงเล่าว่า รีบพาเด็กผู้หญิงคนนั้นไปบ้าน ในหัวผมคิดแต่เรื่องไม่ดีเต็มไปไหมดเลยครับ แล้วหันไปถามลุงว่า แล้วลุงทำอะไรต่อครับ...ลุงหันมายิ้มเสยอะแล้ว ถามผมว่า"ไอ้หนุ่ม คิดว่าลุงจะพาไปทำอะไรหล่ะ"ผมเงียบ.....ถอนหายใจทิ้งแล้ว ตัดบทคุยกับลุงครับ......

   ลุง...เห็นผมเงียบครับ จึงหันมาแล้วพูดกับผมว่า...อืม เราเป็นคนดีน่ะ ไม่มองโลกในแง่ร้าย ...ลุงกลับพาเด็กคนนั้นไปที่บ้าน พาไปหาเมียลุงเลยน่ะ ลุงบอกให้เมียหาข้าวปลามาให้เด็กคนนนี้กินหน่อย น้องเค้าคงมีเรื่องไม่สบายใจมา และจัดที่นอนไว้ให้เด็กมันด้วย ตอนเช้าลุง ถึงจะออกไปส่งอีกที....
พอผมฟังลุงพูด...ยังไม่ทันจบ ผมหันไปมองหน้าแกเลยครับ หน้าแกยิ้ม สายตา ท่าทาง ไม่ได้โกหกในสิ่งที่พูด ผมเงียบ....ใคร่ครวญคิด..สักครู่แล้วหันไปยิ้มให้ลุง

   ลุงแกหันมายิ้มให้ผมแล้วพูดว่า"ลุงเห็นแล้วสงสาร เด็กมันคงไม่รู้จะไปไหนจริงๆหล่ะ ที่ลุงทำให้เค้าได้ก็คง ให้อาหาร ที่พัก และความมีนำ้ใจ ให้กัน นี่หล่ะนิสัยๆจริง ของคนไทยเราเลยน่ะ..."ผมฟังแล้ว ...อึ้งครับ ยิ้มกับสิ่งที่แกพูด แล้วหันไปถามแกบอกกระเซ้าเย้าแหย่"คุณลุงครับ แฟนลุงไม่ว่าหรอ พาผู้หญิงเข้าบ้านแบบนั้น" ลุงแกหัวเราะครับ แล้วแกพูดว่า"ว่าสิ แต่เราก็อธิบายให้ เมียฟัง ว่าเด็กคนนนี้ ไปไงมาไงแล้วพามานี่ทำไม..." อ้าวแล้วแฟนลุงไม่โกรธหรอ ไม่หรอก....ไอ้หนุ่มจำไว้น่ะ ผัวเมียกัน อยู่ด้วยกันน่ะ ด้วยความรักและความเข้าใจ อะไรที่มันไม่ดีไม่พอใจ ก็ยอมกันไปบ้าง แต่เราต้องให้เกีรติและเข้าใจกัน...ฟังคุณลุง แล้วผมรู้สึกยังไง รู้ไหมครับ

   มีความสุขจัง....เรื่องราวเล็กๆ จากมุมเล็กๆ บนโลกใบนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนักธุรกิจ รำ่รวย มหา ศาล ไม่จำเป็นต้องนายกรัฐมนตรีที่ใครก็รู้จัก ไ่ม่จำเป็นต้องถึงหูคุณสรยุทธิ์ คนเราลืมสิ่งสำคัญที่มีให้กันบนโลกไปแล้วหรอ คนเราอย่ามองกันแค่ภายนอก จะอยู่อาชีพไหน ทำงานอะไร มีความสุขได้ ถ้าใจของเราดี ....ได้ฟังแล้วเอามาคิดแบบนี้ มีความสุขจังเลยครับ (ใจ-ลุง-หล่อ-มาก)

   Mr.T ลุงพูดตบท้ายน่ารักมากครับ...ลุงเนี่ยจะโกรธเมียลุงมากกว่ามันโกรธลุงอีกน่ะ เพราะสุดท้าย เมียลุงยังให้เงินเด็กคนนั้นไป 500 เพื่อให้เค้ากลับบ้านเค้าอีก แล้วบอกเด็กคนนั้นไว้ ถ้ามากรุงเทพเมื่อไหร่ ไม่มีที่พักให้มาพักบ้านของลุงกับป้าน่ะ ถ้าเดินทางไม่ถูกเดี๋ยวให้ลุงไปรับไปส่งเอง ลุงแกไม่คิดเงินหรอก ป้ารับรอง..
(คู่นี้น่ารักดีน่ะ คุณว่าไหม) ผมถามคุณมั้งได้ไหม คุณแ่านแล้วได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง ....ส่วนผม....เอาไว้สรุปให้ฟังคราวหน้าน่ะ

บทสรุปของเรื่องเล่าวันอาทิตย์.....3

    สิ่งที่ได้หลังจากพูดคุยกับลุง.... แอบยิ้มมุมปากแบบบอกไม่ถูก รู้สึกใจมีความสุขแบบบอกไม่ถูก หันไปมองดูทีวีในขณะเดินกลับบ้าน เ็นข่าวม็อบการเมืองจะชุมนุมใหญ่กัน กลับรู้สึกสบายใจแบบบอกไม่ถูก(คิดเล่นๆในมุมกลับกัน เข้าใจที่พวกเค้าทำ ยังคิดในใจ ถ้าลุงกับป้าแกไปเป็นแกนนำม็อบ แกจะเรียกร้องอะไร เอ้...อาจจะเป็นม็อบที่อบอุ่นและน่ารักที่สุดในโลก คงจะเรียกร้องให้คนเรามี ความรัก ความเข้าใจ มีนำ้ใจให้กันมากขึ้น แล้วมันจะได้อะไร คำตอบของผมคือ...ไม่จำเป็นหรอกสำหรับคำตอบในคำถามนี้.... เพราะตอนนนี้ลุงกับป้า เป็นแแกนนำม็อบในหัวผมไปแล้วครับ...

     มุมมองในเรื่องของคำสอน ลุงแกแทบไม่ได้พูดว่าสอนผมสักคำ แต่ตัวผมเองกับรู้สึกว่าแก ให้อะไรผมแบบไม่ต้องเข้าห้องเรียนมากๆ นอกจากความรู้ ความคิด และมุมมองสำหรับโลกใบนี้ ที่จะดำเนินชีวิตต่อไป

  มุมมองเรื่องความรัก ...ไม่มีคำไหนๆจะมอบให้ครับ ลุงสรุป... พูดด้วยวาจา กระทำให้เห็น ว่าความรักดีๆที่มีให้กัน เค้าควรต้องทำกันยังไง...

   Mr.T ให้ลุง สามคำสำหรับเรื่องนี้ก็คง----(ใจ-ลุง-หล่อ-มาก) เฮ้ยเกินหล่ะ แต่ช่างมันเถอ่ะ ความหมายดีๆของมันยังคงอยู่ ใช้ชีวิตให้มีความสุขกับสิ่งดีๆกันต่อไปครับ ทุกคน

เรื่องเล่าวันอาทิตย์....เกี่ยวกับแท็กซี่

    ผมมีโอกาสได้ขึ้นแท็กซี่และพูดคุยกับคนขับ จนต้องบอกว่าแปลกใจใจความคิดและการกระทำของลุงเค้า จึงเอามาเล่าต่อครับ
    เรื่องมันเกิดจากคำถามที่ว่า "เอ่อ ไอ้หนุ่ม เป็นคนจังหวัดอะไร"คำตอบ "ทำไมหรือครับลุง หน้าผมเหมือนคนต่างจังหวัด หรอ..." เปล่า..."คือ ลุงรับเด้กผู้หญิงคนนนึงมาเมื่อวาน อายุน่าจะประมาณสัก 20 กว่าๆนี่หล่ะ เค้าบอกให้ลุงไปส่งที่หมอชิต พอลุงขับๆไป เด็กคนนนี้ก็บอกลุงว่า เธอไม่มีค่ารถให้ลุงหรอกน่ะ ลุงจะพาเธอไปไหน ทำอะไรก็ได้แล้วแต่ลุง "ลุงได้ยินอย่างนั้น ก็แปลกใจ ลุงจึงรีบพาเธอไปบ้านของลุงเลยน่ะ เพราะเวลานั้นเกือบ สี่ทุ่มหล่ะ....ลุงบอกเดี๋ยวมันจะเช้า...
Mr.T ผมเล่าแค่นี้ก่อน ไเดี๋ยวมาเล่าต่อ (ฝากไว้ให้คิด)คุณว่าลุงเป็นคนยังไง

เรื่องเล่าวันอาทิตย์...2

  หลังจากคุณลุงเล่าว่า รีบพาเด็กผู้หญิงคนนั้นไปบ้าน ในหัวผมคิดแต่เรื่องไม่ดีเต็มไปไหมดเลยครับ แล้วหันไปถามลุงว่า แล้วลุงทำอะไรต่อครับ...ลุงหันมายิ้มเสยอะแล้ว ถามผมว่า"ไอ้หนุ่ม คิดว่าลุงจะพาไปทำอะไรหล่ะ"ผมเงียบ.....ถอนหายใจทิ้งแล้ว ตัดบทคุยกับลุงครับ......
   ลุง...เห็นผมเงียบครับ จึงหันมาแล้วพูดกับผมว่า...อืม เราเป็นคนดีน่ะ ไม่มองโลกในแง่ร้าย ...ลุงกลับพาเด็กคนนั้นไปที่บ้าน พาไปหาเมียลุงเลยน่ะ ลุงบอกให้เมียหาข้าวปลามาให้เด็กคนนนี้กินหน่อย น้องเค้าคงมีเรื่องไม่สบายใจมา และจัดที่นอนไว้ให้เด็กมันด้วย ตอนเช้าลุง ถึงจะออกไปส่งอีกที....
พอผมฟังลุงพูด...ยังไม่ทันจบ ผมหันไปมองหน้าแกเลยครับ หน้าแกยิ้ม สายตา ท่าทาง ไม่ได้โกหกในสิ่งที่พูด ผมเงียบ....ใคร่ครวญคิด..สักครู่แล้วหันไปยิ้มให้ลุง
   ลุงแกหันมายิ้มให้ผมแล้วพูดว่า"ลุงเห็นแล้วสงสาร เด็กมันคงไม่รู้จะไปไหนจริงๆหล่ะ ที่ลุงทำให้เค้าได้ก็คง ให้อาหาร ที่พัก และความมีนำ้ใจ ให้กัน นี่หล่ะนิสัยๆจริง ของคนไทยเราเลยน่ะ..."ผมฟังแล้ว ...อึ้งครับ ยิ้มกับสิ่งที่แกพูด แล้วหันไปถามแกบอกกระเซ้าเย้าแหย่"คุณลุงครับ แฟนลุงไม่ว่าหรอ พาผู้หญิงเข้าบ้านแบบนั้น" ลุงแกหัวเราะครับ แล้วแกพูดว่า"ว่าสิ แต่เราก็อธิบายให้ เมียฟัง ว่าเด็กคนนนี้ ไปไงมาไงแล้วพามานี่ทำไม..." อ้าวแล้วแฟนลุงไม่โกรธหรอ ไม่หรอก....ไอ้หนุ่มจำไว้น่ะ ผัวเมียกัน อยู่ด้วยกันน่ะ ด้วยความรักและความเข้าใจ อะไรที่มันไม่ดีไม่พอใจ ก็ยอมกันไปบ้าง แต่เราต้องให้เกีรติและเข้าใจกัน...ฟังคุณลุง แล้วผมรู้สึกยังไง รู้ไหมครับ
   มีความสุขจัง....เรื่องราวเล็กๆ จากมุมเล็กๆ บนโลกใบนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนักธุรกิจ รำ่รวย มหา ศาล ไม่จำเป็นต้องนายกรัฐมนตรีที่ใครก็รู้จัก ไ่ม่จำเป็นต้องถึงหูคุณสรยุทธิ์ คนเราลืมสิ่งสำคัญที่มีให้กันบนโลกไปแล้วหรอ คนเราอย่ามองกันแค่ภายนอก จะอยู่อาชีพไหน ทำงานอะไร มีความสุขได้ ถ้าใจของเราดี ....ได้ฟังแล้วเอามาคิดแบบนี้ มีความสุขจังเลยครับ (ใจ-ลุง-หล่อ-มาก)
  Mr.T ลุงพูดตบท้ายน่ารักมากครับ...ลุงเนี่ยจะโกรธเมียลุงมากกว่ามันโกรธลุงอีกน่ะ เพราะสุดท้าย เมียลุงยังให้เงินเด็กคนนั้นไป 500 เพื่อให้เค้ากลับบ้านเค้าอีก แล้วบอกเด็กคนนั้นไว้ ถ้ามากรุงเทพเมื่อไหร่ ไม่มีที่พักให้มาพักบ้านของลุงกับป้าน่ะ ถ้าเดินทางไม่ถูกเดี๋ยวให้ลุงไปรับไปส่งเอง ลุงแกไม่คิดเงินหรอก ป้ารับรอง..
(คู่นี้น่ารักดีน่ะ คุณว่าไหม) ผมถามคุณมั้งได้ไหม คุณแ่านแล้วได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง ....ส่วนผม....เอาไว้สรุปให้ฟังคราวหน้าน่ะ

บทสรุปของเรื่องเล่าวันอาทิตย์.....

   สิ่งที่ได้หลังจากพูดคุยกับลุง.... แอบยิ้มมุมปากแบบบอกไม่ถูก รู้สึกใจมีความสุขแบบบอกไม่ถูก หันไปมองดูทีวีในขณะเดินกลับบ้าน เ็นข่าวม็อบการเมืองจะชุมนุมใหญ่กัน กลับรู้สึกสบายใจแบบบอกไม่ถูก(คิดเล่นๆในมุมกลับกัน เข้าใจที่พวกเค้าทำ ยังคิดในใจ ถ้าลุงกับป้าแกไปเป็นแกนนำม็อบ แกจะเรียกร้องอะไร เอ้...อาจจะเป็นม็อบที่อบอุ่นและน่ารักที่สุดในโลก คงจะเรียกร้องให้คนเรามี ความรัก ความเข้าใจ มีนำ้ใจให้กันมากขึ้น แล้วมันจะได้อะไร คำตอบของผมคือ...ไม่จำเป็นหรอกสำหรับคำตอบในคำถามนี้.... เพราะตอนนนี้ลุงกับป้า เป็นแแกนนำม็อบในหัวผมไปแล้วครับ...
   มุมมองในเรื่องของคำสอน ลุงแกแทบไม่ได้พูดว่าสอนผมสักคำ แต่ตัวผมเองกับรู้สึกว่าแก ให้อะไรผมแบบไม่ต้องเข้าห้องเรียนมากๆ นอกจากความรู้ ความคิด และมุมมองสำหรับโลกใบนี้ ที่จะดำเนินชีวิตต่อไป
   มุมมองเรื่องความรัก ...ไม่มีคำไหนๆจะมอบให้ครับ ลุงสรุป... พูดด้วยวาจา กระทำให้เห็น ว่าความรักดีๆที่มีให้กัน เค้าควรต้องทำกันยังไง...
Mr.T ให้ลุง สามคำสำหรับเรื่องนี้ก็คง----(ใจ-ลุง-หล่อ-มาก) เฮ้ยเกินหล่ะ แต่ช่างมันเถอ่ะ ความหมายดีๆของมันยังคงอยู่ ใช้ชีวิตให้มีความสุขกับสิ่งดีๆกันต่อไปครับ ทุกคน