วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557

ความจริงของการใ้ชชีวิต จากเด้ก

เวลาที่"เด็กง่วง"... เค้าไม่สนน่ะ ว่าจะต้องนอนที่นอนหรูๆ ห้องแอร์เย็นๆ ไม่สนว่าต้องไปนอนเมืองนอก หรือริมทะเล สิ่งเดียวที่เค้าสนใจ คือ จะหลับตายังไงให้สนิทเท่านั้น มันเป็น"สัญชาตญาน"ของ"มนุษย์"ที่ดีจริงๆ ที่ทำให้เราเห็นว่า มนุษย์เรานั้น "เกิดมา"เพื่อต้องการอะไรที่"เกินตัว" ไปหรือเปล่า

วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557

ความคิดที่แตกต่าง ..แต่ไม่ได้แตกแยก

คุณเคยตั้งคำถามไหม...? 
ทำไมเราต้องเรียนหนังสือ เก่งๆจบสูง เพื่อมาอยู่ในสังคมที่เดิมๆ หรือเหมือนๆกัน

   คำถามนี้อาจจะดูแปลกซักหน่อยสำหรับคนที่ไม่คิดตั้งคำถามแบบนี้ ตอนเด็ก เราโดนบังคับให้ไปเรียนเหมือนๆคนอื่นเค้า เพื่ออะไร...? (ถ้าเราไม่ไปจะเกิดอะไรขึ้นสำหรับเรา) เรากลายเป็นเด็กที่โง่และแตกต่างจากคนอื่น อย่างนั้นหรือ
   ผมคำตอบน่ะ...ถ้ามองด้านสังคมและการปกครอง เราถูกครอบงำตั้งแต่เด็กให้คิดในแง่แบบที่ยอมรับในสิ่งที่สังคมกำหนดมาให้เข้าใจแบบนั้น(ผมอธิบายแบบนี้คุณเข้าใจไหม) เช่น เราโดนบังคับให้เรียนในสิ่งที่เราโตมาไม่เคยได้ใช้มัน เช่นกระบี่กระบอง ระบอบประชาธิปไตยที่ไม่รู้ว่าแบบไหนดี..
  ผมมานั่งคิดถึงคำว่่า ชีวิตและสังคม แล้ว บางทีก็เศร้าใจครับ..พวกเราโดนบังคับให้เราเรียนตั้งแต่เด็ก จบมาให้สูงๆเพื่อมาอยู่ในระบอบระเบียบ ของสังคม ที่เราไม่ต้องการก็มี มาเห็นม็อบที่ผู้ใหญ่ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง เห็นกฎหมายที่เริ่มจะดูเสื่อมลง ได้เห็นผู้คนต่างๆดินรนอยู่รอดในสังคม เพื่อคำว่าเงิน จนบางที่ถามตัวผมเองว่า...พวกเค้าจะค้นพบความสุขๆ จริงๆ บ้างหรือไม่...? ไม่ใช่แบบดีใจที่ได้ออกรถมา แล้วต้องเป็นหนี้ ผ่อนชำระต่อ เอารถเหล่านั้นไปจอดติดกันบนถนน เพื่อความโก้หรู เสียภาษีให้นักกการเมืองเอาไปโกงกิน ในยุคของพวกเราจะมีใครกล้าพอที่จะทำอะไรใหม่ๆในชีวิตบ้างไหม การศึกษาของเด็กไทย ยุคต่อไป เค้าจะสอนอะไรให้ดีกว่านี้หรือไม่
  วิธีคิดหนึ่งวิธี ที่น่าจะเกิดขึ้นในสังคมไทยนั้น...สำหรับผมผมคิดอย่างนี้ครับ บางคราวเราควรหัดกลับมาดูความเป็นจริงของเรา ไม่ว่าจะเป็น บ้านเมือง เศรษฐกิจ ความคิด ภูมิประเทศ.....อะไรที่เหมาะกับเราจริงๆ ไม่ใช่บังคับให้ลูกหลานเรานั้น ต้องเรียนเพื่อมาตกเป็น ทาสสังคม ทาสการเงิน ทาสความคิดเดิมๆที่ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆ ไม่ได้สอนให้เด็ก กล้าที่จะคิดจะทำ แล้วสร้างสรร์มันออกมาเพื่อ ตัวเค้าเอง เพื่อครอบครัว ประเทศชาติ ให้ดีกว่านี้

Mr.T จริงๆ ถ้าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ดีเราก็ควร ปลดท่านออก (เหมือน มอยส์) มัั้งน่ะครับ เพื่อให้คนใหม่ๆเด็กใหม่ๆมาสร้างสรรค์ชาติให้ดีขึ้น

วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557

เข้าใจในความหมายของ "การกอด"....

  ผมกับ Tam Jirayuth ไม่ได้พบกันนานแล้วครับ... จนเมื่อวันที่ 17 เมษาที่ผ่านมาเรามีโอกาสได้กลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง.. ทุกครั้งที่เราเจอกัน ผมจะเป็นฝ่ายขอเข้าไปกอดน้องแล้วบอกว่าคิดถึง
แต่ครั้งนี้...น้องเป็นคนเข้ามากอดผม และบอกว่าคิดถึง....แต่ที่มันน่าแปลกคือ "น้อง---กอด---นาน---มาก...." 
   แทบไม่ต้องพูด แต่ผมเข้าใจที่น้องเป็น ใบหน้าฝืนยิ้มให้ สายตาบ่งบอกถึงสิ่งที่เก็บไว้ในจิตใจ แต่เพราะความเป็นผู้ชายที่เข้มแข็ง จึงเก็บมันเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ พูดไปเค้าก็เข้มแข็งดี
  ผมถามน้อง"เป็นอะไร" เค้าตอบสั้นๆ "ไม่เป็นไร พี่ !!" ผมหันไปมองอีกครั้ง... น้องยิ้มให้ หลบตาแล้วบอกว่า "เดี๋ยวค่อยคุยกันครับ".. ไปหาเจ้ๆก่อน
    ผ่านไปไม่นาน..เราไปถึงบ้านเจ้รุ่งๆ เจ้รุ่งชวนนั่งดื่มทันที แล้วบอกว่าไม่ได้เจอกกันนาน ต้องฉลอง... "น้องไม่พูดอะไร เอา แต่ ดื่ม ดื่ม และก็ดื่ม" จนผมเองเริ่มแปลกใจ ว่าอะไรทำให้เค้าเป็นแบบนี้ ผู้ชายคนนึงที่ เป็นสุภาพบุรุษมากๆ อารมณ์ดีและเทคแคร์ใส่ใจผู้อื่นตลอดเวลา ผู้ชายที่เคารพให้เกียรติผู้อื่นเสมอ อะไรที่ทำให้เค้าเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้...หน้าตามีแต่ความทุกข์ ไม่สนุกกับชีวิตของตนเอง ...
จึงเริ่มค้นหาคำตอบ...
  "คนรักของเค้า"...เป็นส่วนนึงของเรื่องราวที่เค้าเป็นแบบนี้ เค้าไม่มีความสุขเพราะคำว่า "คนรักหรือความรัก" เมื่อตอนแรกรักกัน ความรักช่างหอมหวาน เหมือนเราในวัยเด็ก ไม่ต้องคิดเรื่องความรับผิดชอบ มีแค่สิ่งเดียว นั้นคือความรู้สึก"รัก"ที่มีให้กันเท่านั้น แต่พอเริ่มมีครอบครัวร่วมกัน เธอและเค้า ต้องเปลี่ยนไป เพื่ออยู่ในสังคม เธอไม่พอใจเค้า เค้าไม่ได้อย่างใจเธอ ความรู้สึกมันจึงเริ่มเปลี่ยนไป การแสดงออกก็เปลี่ยนไป จากเคยพูดกันดีๆ กลายเป็นใช้อารมณ์ต่อกัน จากเคยกอดกัน กลายเป็น ต่างคนต่างนอน..
   เรื่องราวเหล่านี้...เป็นเรื่องปกติของ"คนและสังคม" ช่วงเวลาเหล่านี้ คือบทพิสูจน์ของ"คนและความรัก" ใครหลายคนที่ผ่านบททดสอบนี้ ก็จะอยู่คู่กัน และรักกันได้อย่างยาวนาน แต่คู่ไหนที่แพ้บททดสอบ ผมคงไม่ต้องอธิบาย...ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป....
   ตัวผมเอง เชื่ออยู่สิ่งนึง ในชึวิต สำหรับน้องคนนี้ ผมเชื่อว่าเค้าเป็น"คนดี" ขยัน ให้เกียรติ และเข้าใจ จะทำให้เค้านั้น ผ่านบททดสอบนี้ไปได้.. เพราะยังไง หมาป่า(Wolf) ก็ยังคงเป็นหมาป่า อยู่วันยังคำ่..
Mr.T ประโยคเดียวที่ผมบอกกับน้องก่อนมาคือ"เข้มแข็งไว้น่ะ เหนื่อยก็พักบ้าง สำคัญมากอีกเรื่อง...อย่าลืมหาความสุขให้ตัวเองด้วยหล่ะ !!!"

วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2557

ผู้ชายแบบไหนที่ชอบผู้หญิงตอนเมา ...?

   มันดูเป็นเรื่องน่าตลกมากสำหรับคำถามนี้ครับ เพราะคำถามนี้มันเป็น...
   คำตอบที่ได้จากผู้ชายคนนึงที่ชื่อ"เชษฐ์" แต่งตัวดูเถื่อน พูดจาดูห้วนๆ ไม่สนโลก แต่จิตใจและความคิด แตกต่างจากสิ่งที่เป็นภายนอกครับ...
   คำตอบ ที่แกอธิบายให้ผมฟังว่าทำไมชอบผู้หญิงตอนเมาคือ.... "รู้ไหม เวลาผู้หญิงเมา เป็นช่วงเวลาที่น่ารักที่สุด เพราะเธอจะปล่อย ความต้องการของตัวเองออกมา คนเราเวลาเมาไม่สามารถปิดกลั้น ตัวตนของตัวเองและความรู้สึกนึกคิดในใจได้หรอกมันทำให้เราได้เห็น ว่าแก่นแท้ที่จริงๆ คนๆนั้นว่าเป็นคนยังไง" ฟังแล้ว อึ้งครับ !!! ผมถามพี่เค้าต่อ "แล้วพี่ไม่คิดเรื่องเซ็ก หรือ ความต้องการอย่างอื่นหรอ...?" แกตอบ "คิดสิ !!(ในใจผม ว่าแล้ว ผู้ชายก็งี้) แต่ผู้หญิงต้องต้องการเราน่ะ.... เชื่อไหม พี่ไม่เคยข่มขืนหรือขืนใจผู้หญิงเลยน่ะ จะบอกว่าที่เราควรทำเวลาเค้าเมาหรือสนุกน่ะ คือการต้องดูแลและให้ความปลอดภัยกับเค้า เวลาเค้ามีความสุข เรื่องของเซ็กกับความต้องการอื่นๆน่ะ มันเรื่องเล็กน้อย ผู้ชายเราควรต้องเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ใช่ล่วงเกินเวลาผู้หญิงเค้า ไม่มีสติ อย่างนั้นเค้าไม่เรียกลูกผู้ชายหรอก" ...
คำนิยามสั้นจากการพูดคุยไม่กี่คำ ทำเราได้เรียนรู้ ความสุขที่แ้จริง มันไม่ใช่เรื่องบนเตียงหรอก แต่มันเป็นการที่เราได้เสพความสุขจากสิ่งรอบตัวมากกกว่า ผู้ชายเราส่วนใหญ่มีความคิดผิดๆแปลกๆครับ อยากได้ผู้หญิงหลายๆคน แต่แปลกตรงที่ ไม่อยากได้ผู้หญิงสักคน ที่คุณอยากจะดูแลเค้าบ้างหรือ...? และจะดีไปกว่านั้น ถ้าเธอคนนั้นต้องการแค่คุณคนเดียวไม่ใช่ใครก็ได้ หรือใครสักคน
Mr.T เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า"สุภาพบุรษลูกผู้ชาย ไม่ใช่ผู้ชายที่เห็นแก่ได้"เพียงอย่างเดียว

วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2557

ว่าด้วยเรื่องของคำว่า"สุภาพบุรษลูกผู้ชาย"...

  ผมเพิ่งมาเข้าใจความหมายของมันเมื่อได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้ ที่ชื่อว่า "เชษฐ์" เมื่อตอนอยู่"สะพานพุทธ"

  จุดเริ่มต้นของการได้รู้จักผู้ชายคนนนี้และคำๆนี้คงมาจากที่ผมได้เข้าไป ใช้ชีวิตในสะพานพุทธ ซึ่งผมเองให้นิยามสะพานพุทธว่า "มหาวิยาลัยชีวิต" ครั้งแรกที่ได้เจอพี่เชษฐ์ นั้นผมไม่เคยลืมเลยครับ ผมไปเปิดร้านใหม่ อยู่ใกล้ท่านำ้ที่เค้าเรียกว่า"โป๊ะ" ครั้งแรกที่เดินไป ผมเจอสายตาผู้ชายคนนึงที่มองมาที่เรา ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ดุ เอาเรื่อง และดูเหมือนจะไม่ชอบพอในตัวเราเสียเลย จากนั้นผมเริ่มติดใจ จึงพยยามสังเกตุพี่เค้าครับ ว่า เค้าไม่พอใจเราตรงไหนหรือเปล่า แต่ปรากฎว่า แกมองแบบนี้กับทุกคน ยกเว้น"สาวๆหน้าตาดี"

  อืม !! ที่ผมเล่ามาจริงหมดครับ ผมหล่ะงงจริงๆ ....คิดตามผมน่ะครับ ผู้ชายหน้าตารูปร่างเหมือนพี่ โจ้วง Pause หน้าขาว ตาคม แต่งตัวแบบแนวเมทัล คือ ใส่ถุงเท้าขึ้นมายันเข่า กางเกงสีดำสี่ส่วน เสื้อลายเมทัลร็อคโหดๆ สายตาไม่พอใจใคร แต่......"มานั่งเย็บผ้า ด้วยจักรที่หน้าโป็ะ" .....คือในความรู้สึกผมมันไม่เข้ากันเลยครับ ครั้งแรกที่ผมได้เห็นแก บอกตรงๆครับ น่ากลัวมากไม่น่าไปยุ่งเลย แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ จะมีสาวๆ เข้ามาหาแกเยอะมาก บางคนก็เข้ามากอด บางคนก็เข้ามาพูดคุยแบบสนุกสนานมาก ผมนี่แอบหมั่นไส้แกเล็กๆ แต่ต้องเข้าใจ แกหล่อจริง ต้องยอมครับ..

Mr.T เรื่องที่ผมแปลกใจในซีซั่นนี้คือ ผู้ชายหน้าตาดีคนนึง ทำไมถึงเลือกมานั่งเย็บผ้าแบบนี้ว่ะ แปลกกว่านั้น แต่งตัวโคตรแนว แต่ทำไมมาทำอาชีพนี้ฟ่ะ น่าหมั่นไส้กว่า ทำไมสาวๆรุมแกเยอะจังว่ะ...


ว่าด้วยเรื่องของคำว่า"สุภาพบุรษลูกผู้ชาย"...2

   หลังจากนั้นไม่นานผมได้มีโอกาสได้รู้จักกับแกมากขึ้นครับ ประโยคแรกที่แกเรียกผม ผมยังจำได้เลยครับ "เฮ้ย..เราอ่ะ มานี่ดิ่" ผมก็เดินเข้าไปหาแกแบบกลัวๆกล้าๆ "มาเปิดร้านใหม่หรอ ขายอะไรอ่ะ" "บ็อกเซอร์ครับ" อืม บ็อกเซอร์คืออะไร หมาหรอ..!! คนเค้าจะซื้อหรอ" ผมเอง งง!!เลยครับ ไม่รู้แกมาไม้ไหน ผมก็ตอบ"ไม่ใช่ครับพี่ มันเป็นกางเกงที่ใส่ข้างในครับ คล้ายๆกางเกงใน แต่มันยาวกว่าและใส่เป็น   กางเกงขาสั้นได้ด้วย" อ้อหรอ..."ได้ข่าวมีหลายร้านนี่เราอ่ะ" ผมตอบ "ใช่ครับ" เอ่อ มันขยันจริงๆ ยังไงก็อย่าลืมหาเวลาไปใช้เงิน หาความสุขบ้างหล่ะ ทำแต่งานจนลืมตัวเอง แก่ไปจะเสียดายน่ะ 555" ผมฟังแล้ว อึ้งครับ ได้แต่ตอบ "ครับ" แล้วเดินไป แค่วันแรกที่ผมได้คุยกับพี่เค้า มันยิ่งตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับตัวแกมากขึ้นครับ.. เพราะส่วนใหญ่คนที่สะพานพุทธก็น่ากลัวกันอยู่แล้ว แต่"คำพูดที่แกพูดออกมา มันเต็มไปด้วยความเข้าใจและกำลังใจ" มาในคำพูดเหล่านั้น "ท่าทาง บุคคลิกกับพฤติกรรมที่แกเป็นภายนอก มันช่างแตกต่างกับความคิดและจิตใจ"ของแกเหลือเกินครับ หลังจากนั้นไม่นานผมก็มีโอกาสได้พูดคุยกับแกมากขึ้น จนเริ่มสนิทกัน

  ผมยังจำคำถามที่ผมถามพี่เชษฐ์ได้อยู่เลยครับ "พี่เชษฐ์ ชอบผู้หญิง แบบไหน...?" รู้ไหมครับแกตอบผมว่าออะไร แกตอบ"ชอบผู้หญิง ตอนเมา....!!!!"

Mr.T ผู้ชายแบบไหนที่ชอบผู้หญิงตอนเมา ผู้ชายแบบไหนที่มีบุคลิกแตกต่างจากความคิดของตัวเอง มันน่าสนใจจริงๆน่ะ ให้ตายสิ!!!

ว่าด้วยเรื่องของคำว่า"สุภาพบุรษลูกผู้ชาย"...1

    ผมเพิ่งมาเข้าใจความหมายของมันเมื่อได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้ ที่ชื่อว่า "เชษฐ์" เมื่อตอนอยู่"สะพานพุทธ"
   จุดเริ่มต้นของการได้รู้จักผู้ชายคนนนี้และคำๆนี้คงมาจากที่ผมได้เข้าไป ใช้ชีวิตในสะพานพุทธ ซึ่งผมเองให้นิยามสะพานพุทธว่า "มหาวิยาลัยชีวิต" ครั้งแรกที่ได้เจอพี่เชษฐ์ นั้นผมไม่เคยลืมเลยครับ ผมไปเปิดร้านใหม่ อยู่ใกล้ท่านำ้ที่เค้าเรียกว่า"โป๊ะ" ครั้งแรกที่เดินไป ผมเจอสายตาผู้ชายคนนึงที่มองมาที่เรา ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ดุ เอาเรื่อง และดูเหมือนจะไม่ชอบพอในตัวเราเสียเลย จากนั้นผมเริ่มติดใจ จึงพยยามสังเกตุพี่เค้าครับ ว่า เค้าไม่พอใจเราตรงไหนหรือเปล่า แต่ปรากฎว่า แกมองแบบนี้กับทุกคน ยกเว้น"สาวๆหน้าตาดี"
    อืม !! ที่ผมเล่ามาจริงหมดครับ ผมหล่ะงงจริงๆ ....คิดตามผมน่ะครับ ผู้ชายหน้าตารูปร่างเหมือนพี่ โจ้วง Pause หน้าขาว ตาคม แต่งตัวแบบแนวเมทัล คือ ใส่ถุงเท้าขึ้นมายันเข่า กางเกงสีดำสี่ส่วน เสื้อลายเมทัลร็อคโหดๆ สายตาไม่พอใจใคร แต่......"มานั่งเย็บผ้า ด้วยจักรที่หน้าโป็ะ" .....คือในความรู้สึกผมมันไม่เข้ากันเลยครับ ครั้งแรกที่ผมได้เห็นแก บอกตรงๆครับ น่ากลัวมากไม่น่าไปยุ่งเลย แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ จะมีสาวๆ เข้ามาหาแกเยอะมาก บางคนก็เข้ามากอด บางคนก็เข้ามาพูดคุยแบบสนุกสนานมาก ผมนี่แอบหมั่นไส้แกเล็กๆ แต่ต้องเข้าใจ แกหล่อจริง ต้องยอมครับ..

  Mr.T เรื่องที่ผมแปลกใจในซีซั่นนี้คือ ผู้ชายหน้าตาดีคนนึง ทำไมถึงเลือกมานั่งเย็บผ้าแบบนี้ว่ะ แปลกกว่านั้น แต่งตัวโคตรแนว แต่ทำไมมาทำอาชีพนี้ฟ่ะ น่าหมั่นไส้กว่า ทำไมสาวๆรุมแกเยอะจังว่ะ...

ว่าด้วยเรื่องของคำว่า"สุภาพบุรษลูกผู้ชาย"...2

  หลังจากนั้นไม่นานผมได้มีโอกาสได้รู้จักกับแกมากขึ้นครับ ประโยคแรกที่แกเรียกผม ผมยังจำได้เลยครับ "เฮ้ย..เราอ่ะ มานี่ดิ่" ผมก็เดินเข้าไปหาแกแบบกลัวๆกล้าๆ "มาเปิดร้านใหม่หรอ ขายอะไรอ่ะ" "บ็อกเซอร์ครับ" อืม บ็อกเซอร์คืออะไร หมาหรอ..!! คนเค้าจะซื้อหรอ" ผมเอง งง!!เลยครับ ไม่รู้แกมาไม้ไหน ผมก็ตอบ"ไม่ใช่ครับพี่ มันเป็นกางเกงที่ใส่ข้างในครับ คล้ายๆกางเกงใน แต่มันยาวกว่าและใส่เป็นกางเกงขาสั้นได้ด้วย" อ้อหรอ..."ได้ข่าวมีหลายร้านนี่เราอ่ะ" ผมตอบ "ใช่ครับ" เอ่อ มันขยันจริงๆ ยังไงก็อย่าลืมหาเวลาไปใช้เงิน หาความสุขบ้างหล่ะ ทำแต่งานจนลืมตัวเอง แก่ไปจะเสียดายน่ะ 555" ผมฟังแล้ว อึ้งครับ ได้แต่ตอบ "ครับ" แล้วเดินไป แค่วันแรกที่ผมได้คุยกับพี่เค้า มันยิ่งตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับตัวแกมากขึ้นครับ.. เพราะส่วนใหญ่คนที่สะพานพุทธก็น่ากลัวกันอยู่แล้ว แต่"คำพูดที่แกพูดออกมา มันเต็มไปด้วยความเข้าใจและกำลังใจ" มาในคำพูดเหล่านั้น "ท่าทาง บุคคลิกกับพฤติกรรมที่แกเป็นภายนอก มันช่างแตกต่างกับความคิดและจิตใจ"ของแกเหลือเกินครับ หลังจากนั้นไม่นานผมก็มีโอกาสได้พูดคุยกับแกมากขึ้น จนเริ่มสนิทกัน
  ผมยังจำคำถามที่ผมถามพี่เชษฐ์ได้อยู่เลยครับ "พี่เชษฐ์ ชอบผู้หญิง แบบไหน...?" รู้ไหมครับแกตอบผมว่าออะไร แกตอบ"ชอบผู้หญิง ตอนเมา....!!!!"

Mr.T ผู้ชายแบบไหนที่ชอบผู้หญิงตอนเมา ผู้ชายแบบไหนที่มีบุคลิกแตกต่างจากความคิดของตัวเอง มันน่าสนใจจริงๆน่ะ ให้ตายสิ!!!

วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557

ว่าด้วยความ "เจ้าชู้"...

   คุณเคยคิดไหม ความเจ้าชู้มันเกิดจากอะไร ลองนั่งทบทวนแล้วแยกความคิดออกจะเห็นว่า..มันต้องประกอบด้วย บุคคลที่มากกว่า 2 คน หรือนิยามเกินความหมายคำว่าคู่ ซึ่งมันเป็นพฤติกรรมมี่ใช้ ท่าทางการแสดงออกให้เห็น ว่ามีความหลายใจมากกว่าหนึ่งคน(ไม่ถูกจำกัดคำว่าเพศ อายุ หรือการศึกษาในการเป็นคนเจ้าชู้)
   คนเจ้าชู้ส่วนใหญ่เกิดจากอะไร ...คำตอบคือ คนเจ้าชู้มักเป็นหน้าตาดี มีเสหน์ มีความสามารถ มีฐานะ เข้ามาเป็นส่วนประกอบ ยกตัวอย่างเช่น คุณหน้าตาเหมือนคุณหมำ่แถมยังจน บอกได้เลยว่า คุณเจ้าชู้ได้ แต่ใครจะเอาคุณ (พอเห็นภาพไหมครับ ?)
   ความเจ้าชู้ทำให้เกิดอะไรขึ้นได้บ้าง ...อย่างแรกคำตอบคือ คนที่โดนกระทำเจ้าชู้ใส่แล้วมารู้ทีหลัง เค้าจะเกิดความรู้สึกไม่ดี ยิ่งเป็นคนที่มีครอบครัวแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ผลต่อมาคือ อารมณ์ การแสดงออก ถ้าเค้ามีอิทธิพล เงินทอง อำนาจ คนที่เจ้าชู้ ก็อาจจะซวยไป
  ความเจ้าชู้นี่ก็แปลก...คนบางคนอยู่เฉยๆก็มีคนเข้ามาชอบพอ เอาใจ หวังอะไรในบางสิ่งจากคุณ คนส่วนใหญ่ไม่ชอบคำๆนี้ แต่ก็ต้องเจอกับคนแบบนี้ทุกวี่วัน

Mr.T สรุปนิยามความเจ้าชู้ ไม่ได้ช่วยอะไรให้โลกใบนี้ดีขึ้น ถ้าเลือกได้ก็พยายามยามห่างๆคนเหล่านี้หรือคนพวกนี้ไว้เถอะครับ เพราะไม่อย่างนั้น คุณอาจจะจบลงด้วยนำ้ตา

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557

เรื่องเล่าวันอาทิตย์....

เรื่องเล่าวันอาทิตย์....

    ผมมีโอกาสได้ขึ้นแท็กซี่และพูดคุยกับคนขับ จนต้องบอกว่าแปลกใจใจความคิดและการกระทำของลุงเค้า จึงเอามาเล่าต่อครับ

    เรื่องมันเกิดจากคำถามที่ว่า "เอ่อ ไอ้หนุ่ม เป็นคนจังหวัดอะไร"คำตอบ "ทำไมหรือครับลุง หน้าผมเหมือนคนต่างจังหวัด หรอ..." เปล่า..."คือ ลุงรับเด้กผู้หญิงคนนนึงมาเมื่อวาน อายุน่าจะประมาณสัก 20 กว่าๆนี่หล่ะ เค้าบอกให้ลุงไปส่งที่หมอชิต พอลุงขับๆไป เด็กคนนนี้ก็บอกลุงว่า เธอไม่มีค่ารถให้ลุงหรอกน่ะ ลุงจะพาเธอไปไหน ทำอะไรก็ได้แล้วแต่ลุง "ลุงได้ยินอย่างนั้น ก็แปลกใจ ลุงจึงรีบพาเธอไปบ้านของลุงเลยน่ะ เพราะเวลานั้นเกือบ สี่ทุ่มหล่ะ....ลุงบอกเดี๋ยวมันจะเช้า...

Mr.T ผมเล่าแค่นี้ก่อน ไเดี๋ยวมาเล่าต่อ (ฝากไว้ให้คิด)คุณว่าลุงเป็นคนยังไง

เรื่องเล่าวันอาทิตย์....2

  หลังจากคุณลุงเล่าว่า รีบพาเด็กผู้หญิงคนนั้นไปบ้าน ในหัวผมคิดแต่เรื่องไม่ดีเต็มไปไหมดเลยครับ แล้วหันไปถามลุงว่า แล้วลุงทำอะไรต่อครับ...ลุงหันมายิ้มเสยอะแล้ว ถามผมว่า"ไอ้หนุ่ม คิดว่าลุงจะพาไปทำอะไรหล่ะ"ผมเงียบ.....ถอนหายใจทิ้งแล้ว ตัดบทคุยกับลุงครับ......

   ลุง...เห็นผมเงียบครับ จึงหันมาแล้วพูดกับผมว่า...อืม เราเป็นคนดีน่ะ ไม่มองโลกในแง่ร้าย ...ลุงกลับพาเด็กคนนั้นไปที่บ้าน พาไปหาเมียลุงเลยน่ะ ลุงบอกให้เมียหาข้าวปลามาให้เด็กคนนนี้กินหน่อย น้องเค้าคงมีเรื่องไม่สบายใจมา และจัดที่นอนไว้ให้เด็กมันด้วย ตอนเช้าลุง ถึงจะออกไปส่งอีกที....
พอผมฟังลุงพูด...ยังไม่ทันจบ ผมหันไปมองหน้าแกเลยครับ หน้าแกยิ้ม สายตา ท่าทาง ไม่ได้โกหกในสิ่งที่พูด ผมเงียบ....ใคร่ครวญคิด..สักครู่แล้วหันไปยิ้มให้ลุง

   ลุงแกหันมายิ้มให้ผมแล้วพูดว่า"ลุงเห็นแล้วสงสาร เด็กมันคงไม่รู้จะไปไหนจริงๆหล่ะ ที่ลุงทำให้เค้าได้ก็คง ให้อาหาร ที่พัก และความมีนำ้ใจ ให้กัน นี่หล่ะนิสัยๆจริง ของคนไทยเราเลยน่ะ..."ผมฟังแล้ว ...อึ้งครับ ยิ้มกับสิ่งที่แกพูด แล้วหันไปถามแกบอกกระเซ้าเย้าแหย่"คุณลุงครับ แฟนลุงไม่ว่าหรอ พาผู้หญิงเข้าบ้านแบบนั้น" ลุงแกหัวเราะครับ แล้วแกพูดว่า"ว่าสิ แต่เราก็อธิบายให้ เมียฟัง ว่าเด็กคนนนี้ ไปไงมาไงแล้วพามานี่ทำไม..." อ้าวแล้วแฟนลุงไม่โกรธหรอ ไม่หรอก....ไอ้หนุ่มจำไว้น่ะ ผัวเมียกัน อยู่ด้วยกันน่ะ ด้วยความรักและความเข้าใจ อะไรที่มันไม่ดีไม่พอใจ ก็ยอมกันไปบ้าง แต่เราต้องให้เกีรติและเข้าใจกัน...ฟังคุณลุง แล้วผมรู้สึกยังไง รู้ไหมครับ

   มีความสุขจัง....เรื่องราวเล็กๆ จากมุมเล็กๆ บนโลกใบนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนักธุรกิจ รำ่รวย มหา ศาล ไม่จำเป็นต้องนายกรัฐมนตรีที่ใครก็รู้จัก ไ่ม่จำเป็นต้องถึงหูคุณสรยุทธิ์ คนเราลืมสิ่งสำคัญที่มีให้กันบนโลกไปแล้วหรอ คนเราอย่ามองกันแค่ภายนอก จะอยู่อาชีพไหน ทำงานอะไร มีความสุขได้ ถ้าใจของเราดี ....ได้ฟังแล้วเอามาคิดแบบนี้ มีความสุขจังเลยครับ (ใจ-ลุง-หล่อ-มาก)

   Mr.T ลุงพูดตบท้ายน่ารักมากครับ...ลุงเนี่ยจะโกรธเมียลุงมากกว่ามันโกรธลุงอีกน่ะ เพราะสุดท้าย เมียลุงยังให้เงินเด็กคนนั้นไป 500 เพื่อให้เค้ากลับบ้านเค้าอีก แล้วบอกเด็กคนนั้นไว้ ถ้ามากรุงเทพเมื่อไหร่ ไม่มีที่พักให้มาพักบ้านของลุงกับป้าน่ะ ถ้าเดินทางไม่ถูกเดี๋ยวให้ลุงไปรับไปส่งเอง ลุงแกไม่คิดเงินหรอก ป้ารับรอง..
(คู่นี้น่ารักดีน่ะ คุณว่าไหม) ผมถามคุณมั้งได้ไหม คุณแ่านแล้วได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง ....ส่วนผม....เอาไว้สรุปให้ฟังคราวหน้าน่ะ

บทสรุปของเรื่องเล่าวันอาทิตย์.....3

    สิ่งที่ได้หลังจากพูดคุยกับลุง.... แอบยิ้มมุมปากแบบบอกไม่ถูก รู้สึกใจมีความสุขแบบบอกไม่ถูก หันไปมองดูทีวีในขณะเดินกลับบ้าน เ็นข่าวม็อบการเมืองจะชุมนุมใหญ่กัน กลับรู้สึกสบายใจแบบบอกไม่ถูก(คิดเล่นๆในมุมกลับกัน เข้าใจที่พวกเค้าทำ ยังคิดในใจ ถ้าลุงกับป้าแกไปเป็นแกนนำม็อบ แกจะเรียกร้องอะไร เอ้...อาจจะเป็นม็อบที่อบอุ่นและน่ารักที่สุดในโลก คงจะเรียกร้องให้คนเรามี ความรัก ความเข้าใจ มีนำ้ใจให้กันมากขึ้น แล้วมันจะได้อะไร คำตอบของผมคือ...ไม่จำเป็นหรอกสำหรับคำตอบในคำถามนี้.... เพราะตอนนนี้ลุงกับป้า เป็นแแกนนำม็อบในหัวผมไปแล้วครับ...

     มุมมองในเรื่องของคำสอน ลุงแกแทบไม่ได้พูดว่าสอนผมสักคำ แต่ตัวผมเองกับรู้สึกว่าแก ให้อะไรผมแบบไม่ต้องเข้าห้องเรียนมากๆ นอกจากความรู้ ความคิด และมุมมองสำหรับโลกใบนี้ ที่จะดำเนินชีวิตต่อไป

  มุมมองเรื่องความรัก ...ไม่มีคำไหนๆจะมอบให้ครับ ลุงสรุป... พูดด้วยวาจา กระทำให้เห็น ว่าความรักดีๆที่มีให้กัน เค้าควรต้องทำกันยังไง...

   Mr.T ให้ลุง สามคำสำหรับเรื่องนี้ก็คง----(ใจ-ลุง-หล่อ-มาก) เฮ้ยเกินหล่ะ แต่ช่างมันเถอ่ะ ความหมายดีๆของมันยังคงอยู่ ใช้ชีวิตให้มีความสุขกับสิ่งดีๆกันต่อไปครับ ทุกคน

เรื่องเล่าวันอาทิตย์....เกี่ยวกับแท็กซี่

    ผมมีโอกาสได้ขึ้นแท็กซี่และพูดคุยกับคนขับ จนต้องบอกว่าแปลกใจใจความคิดและการกระทำของลุงเค้า จึงเอามาเล่าต่อครับ
    เรื่องมันเกิดจากคำถามที่ว่า "เอ่อ ไอ้หนุ่ม เป็นคนจังหวัดอะไร"คำตอบ "ทำไมหรือครับลุง หน้าผมเหมือนคนต่างจังหวัด หรอ..." เปล่า..."คือ ลุงรับเด้กผู้หญิงคนนนึงมาเมื่อวาน อายุน่าจะประมาณสัก 20 กว่าๆนี่หล่ะ เค้าบอกให้ลุงไปส่งที่หมอชิต พอลุงขับๆไป เด็กคนนนี้ก็บอกลุงว่า เธอไม่มีค่ารถให้ลุงหรอกน่ะ ลุงจะพาเธอไปไหน ทำอะไรก็ได้แล้วแต่ลุง "ลุงได้ยินอย่างนั้น ก็แปลกใจ ลุงจึงรีบพาเธอไปบ้านของลุงเลยน่ะ เพราะเวลานั้นเกือบ สี่ทุ่มหล่ะ....ลุงบอกเดี๋ยวมันจะเช้า...
Mr.T ผมเล่าแค่นี้ก่อน ไเดี๋ยวมาเล่าต่อ (ฝากไว้ให้คิด)คุณว่าลุงเป็นคนยังไง

เรื่องเล่าวันอาทิตย์...2

  หลังจากคุณลุงเล่าว่า รีบพาเด็กผู้หญิงคนนั้นไปบ้าน ในหัวผมคิดแต่เรื่องไม่ดีเต็มไปไหมดเลยครับ แล้วหันไปถามลุงว่า แล้วลุงทำอะไรต่อครับ...ลุงหันมายิ้มเสยอะแล้ว ถามผมว่า"ไอ้หนุ่ม คิดว่าลุงจะพาไปทำอะไรหล่ะ"ผมเงียบ.....ถอนหายใจทิ้งแล้ว ตัดบทคุยกับลุงครับ......
   ลุง...เห็นผมเงียบครับ จึงหันมาแล้วพูดกับผมว่า...อืม เราเป็นคนดีน่ะ ไม่มองโลกในแง่ร้าย ...ลุงกลับพาเด็กคนนั้นไปที่บ้าน พาไปหาเมียลุงเลยน่ะ ลุงบอกให้เมียหาข้าวปลามาให้เด็กคนนนี้กินหน่อย น้องเค้าคงมีเรื่องไม่สบายใจมา และจัดที่นอนไว้ให้เด็กมันด้วย ตอนเช้าลุง ถึงจะออกไปส่งอีกที....
พอผมฟังลุงพูด...ยังไม่ทันจบ ผมหันไปมองหน้าแกเลยครับ หน้าแกยิ้ม สายตา ท่าทาง ไม่ได้โกหกในสิ่งที่พูด ผมเงียบ....ใคร่ครวญคิด..สักครู่แล้วหันไปยิ้มให้ลุง
   ลุงแกหันมายิ้มให้ผมแล้วพูดว่า"ลุงเห็นแล้วสงสาร เด็กมันคงไม่รู้จะไปไหนจริงๆหล่ะ ที่ลุงทำให้เค้าได้ก็คง ให้อาหาร ที่พัก และความมีนำ้ใจ ให้กัน นี่หล่ะนิสัยๆจริง ของคนไทยเราเลยน่ะ..."ผมฟังแล้ว ...อึ้งครับ ยิ้มกับสิ่งที่แกพูด แล้วหันไปถามแกบอกกระเซ้าเย้าแหย่"คุณลุงครับ แฟนลุงไม่ว่าหรอ พาผู้หญิงเข้าบ้านแบบนั้น" ลุงแกหัวเราะครับ แล้วแกพูดว่า"ว่าสิ แต่เราก็อธิบายให้ เมียฟัง ว่าเด็กคนนนี้ ไปไงมาไงแล้วพามานี่ทำไม..." อ้าวแล้วแฟนลุงไม่โกรธหรอ ไม่หรอก....ไอ้หนุ่มจำไว้น่ะ ผัวเมียกัน อยู่ด้วยกันน่ะ ด้วยความรักและความเข้าใจ อะไรที่มันไม่ดีไม่พอใจ ก็ยอมกันไปบ้าง แต่เราต้องให้เกีรติและเข้าใจกัน...ฟังคุณลุง แล้วผมรู้สึกยังไง รู้ไหมครับ
   มีความสุขจัง....เรื่องราวเล็กๆ จากมุมเล็กๆ บนโลกใบนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนักธุรกิจ รำ่รวย มหา ศาล ไม่จำเป็นต้องนายกรัฐมนตรีที่ใครก็รู้จัก ไ่ม่จำเป็นต้องถึงหูคุณสรยุทธิ์ คนเราลืมสิ่งสำคัญที่มีให้กันบนโลกไปแล้วหรอ คนเราอย่ามองกันแค่ภายนอก จะอยู่อาชีพไหน ทำงานอะไร มีความสุขได้ ถ้าใจของเราดี ....ได้ฟังแล้วเอามาคิดแบบนี้ มีความสุขจังเลยครับ (ใจ-ลุง-หล่อ-มาก)
  Mr.T ลุงพูดตบท้ายน่ารักมากครับ...ลุงเนี่ยจะโกรธเมียลุงมากกว่ามันโกรธลุงอีกน่ะ เพราะสุดท้าย เมียลุงยังให้เงินเด็กคนนั้นไป 500 เพื่อให้เค้ากลับบ้านเค้าอีก แล้วบอกเด็กคนนั้นไว้ ถ้ามากรุงเทพเมื่อไหร่ ไม่มีที่พักให้มาพักบ้านของลุงกับป้าน่ะ ถ้าเดินทางไม่ถูกเดี๋ยวให้ลุงไปรับไปส่งเอง ลุงแกไม่คิดเงินหรอก ป้ารับรอง..
(คู่นี้น่ารักดีน่ะ คุณว่าไหม) ผมถามคุณมั้งได้ไหม คุณแ่านแล้วได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง ....ส่วนผม....เอาไว้สรุปให้ฟังคราวหน้าน่ะ

บทสรุปของเรื่องเล่าวันอาทิตย์.....

   สิ่งที่ได้หลังจากพูดคุยกับลุง.... แอบยิ้มมุมปากแบบบอกไม่ถูก รู้สึกใจมีความสุขแบบบอกไม่ถูก หันไปมองดูทีวีในขณะเดินกลับบ้าน เ็นข่าวม็อบการเมืองจะชุมนุมใหญ่กัน กลับรู้สึกสบายใจแบบบอกไม่ถูก(คิดเล่นๆในมุมกลับกัน เข้าใจที่พวกเค้าทำ ยังคิดในใจ ถ้าลุงกับป้าแกไปเป็นแกนนำม็อบ แกจะเรียกร้องอะไร เอ้...อาจจะเป็นม็อบที่อบอุ่นและน่ารักที่สุดในโลก คงจะเรียกร้องให้คนเรามี ความรัก ความเข้าใจ มีนำ้ใจให้กันมากขึ้น แล้วมันจะได้อะไร คำตอบของผมคือ...ไม่จำเป็นหรอกสำหรับคำตอบในคำถามนี้.... เพราะตอนนนี้ลุงกับป้า เป็นแแกนนำม็อบในหัวผมไปแล้วครับ...
   มุมมองในเรื่องของคำสอน ลุงแกแทบไม่ได้พูดว่าสอนผมสักคำ แต่ตัวผมเองกับรู้สึกว่าแก ให้อะไรผมแบบไม่ต้องเข้าห้องเรียนมากๆ นอกจากความรู้ ความคิด และมุมมองสำหรับโลกใบนี้ ที่จะดำเนินชีวิตต่อไป
   มุมมองเรื่องความรัก ...ไม่มีคำไหนๆจะมอบให้ครับ ลุงสรุป... พูดด้วยวาจา กระทำให้เห็น ว่าความรักดีๆที่มีให้กัน เค้าควรต้องทำกันยังไง...
Mr.T ให้ลุง สามคำสำหรับเรื่องนี้ก็คง----(ใจ-ลุง-หล่อ-มาก) เฮ้ยเกินหล่ะ แต่ช่างมันเถอ่ะ ความหมายดีๆของมันยังคงอยู่ ใช้ชีวิตให้มีความสุขกับสิ่งดีๆกันต่อไปครับ ทุกคน

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

ความทรงจำและบทเรียนในชีวิตครั้งใหม่...(เรื่องการช่วยเหลือพื้นที่ค้าขาย)

ความทรงจำและบทเรียนในชีวิตครั้งใหม่...
จุดเริ่มต้น มากจากที่เราเองเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่ Big C สาขาบางพลี เนื่องจากทางออแกร์ไนซ์เก่าจะหมดสัญญากับทางบิ๊กซีวันที่ 31 มีนาคม และแจ้งให้แม่ค้าทุกคนย้ายออกและเก็บของให้เสร็จภายใน10วัน ซึ่งเราได้รับใบแจ้งในวันที่ 21 มีนาคม แม่ค้าเริ่มรวมตัวกันและวิพากวิจารณ์ในการทำงานของออแกร์ไนส์ที่ทำกับแม่ค้าแบบนี้(โดยปัญหามันอยู่ตรง ใครจะเก็บทัน)และออร์แกไนส์เก่านี้ได้บอกกับทางแม่ค้าว่าจะออกบิลล์ให้แม่ค้าทุกคนเอาไปยืนยันกับออแกร์ไนส์ใหม่ในาราคาล็อกละ15000บาท (แต่ที่เราเสียให้ใครจริงราคาล็อกละ 20000-22000 บาท) ทำให้แม่ค้าเริ่มจับผิดสังเกตุในพฤติกรรมที่ออแกร์ไนส์เก่าทำกับเรา (คำถามคือ ทำไมตอนคุณอยู่ คุณไม่คิดราคานี้หล่ะ) ผลต่อมาก็เฉลย นั้นคือ ออร์แกไนส์เก่าบอกว่าเราต้องจ่ายค่าเช่าอุปกรณ์นั้นคือล็อกที่มีแผงกั้นในราคา 3000 ต่อเดือนให้กับใคร (และในความจริงที่ปวดร้าวคือ ทางออแกร์ไนส์เก่าเก็บเงินค่าอุปกรณ์ในราคา 20000 กว่าบาทกับแม่ค้าที่อยู่กับออร์แกไนส์มายาวนาน นั้นหมายถึง ออร์แกไนส์เก่า เอาอุปกรณ์ที่ทางแม่ค้าจ่ายเงินไปมาให้เราเช่าต่ออีกทีนึง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางแม่ค้ารับไม่ได้จริงๆ จึงเริ่มมีการรวมตัวเพื่อหาคำตอบขึ้น
Mr.T เริ่มต้นเรื่องวันที่ 21มีนาคม2557 Part 1

ความทรงจำและบทเรียนในชีวิตครั้งใหม่...2
ในวันที่ 25 มีนาคม ทางออแกร์ไนส์เก่ายื่นใบแจ้งหนี้มาให้แล้วบอกให้เราไม่ต้องจ่ายแต่จะหักจากเงินประกันที่เค้าเก็บเราไป 2 เดือนก่อนขาย พอผ่านมาอีก3 ชั่วโมงมาบอกใหม่ให้แม่ค้าไปจ่ายบิลล์ตามเดิมที่ทุกคนเคยจ่าย ซึ่งเสียไม่เท่ากันในแต่ละล็อก (คำถามที่แม่ค้าสงสัย ทำไมออแกร์ไนส์เก่าต้องเข้ามาเก็บค่าที่อีก ในเมื่อคุณต้องมาคืนเงินประกันเราและไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับตรงนี้แล้ว เพราะแม่ค้าส่วนใหญ่เริ่มไม่ไว้ใจและไม่พอใจในการทำงานของออร์แกไนส์เก่า ดูเหมือนจะไม่ยอมที่จะเสียผลประโยขน์ของตัวเองที่ยื่นมาให้แม่ค้า แต่แม่ค้าส่วนใหญ่ไม่เอา เพราะเริ่มมองเห็นความเห็นแก่ได้ของออร์แกไนส์เก่า (ความไม่พอใจของแม่ค้าเริ่มมากขึ้น) หลังจากนั้นแม่ค้ารวมตัวกัน เพื่อ ไถ่ถามออแกร์ไนส์ใหม่และเก่าว่าจะเอาอย่างไร ทางออร์แกไนส์ใหม่นั้น ส่งคนมา...หาแม่ค้า แต่มาเพื่อเก็บเงินกับทางแม่ค้าอย่างเดียว โดยไม่มีรายละเอียดว่าจะทำอย่างไร และดำเนินการอย่างไรกับการจัดการต่อไปในอนาคต ทางออร์แกร์ไนส์เก่าบอกคำเดียว ถ้าไม่มาจ่ายเงินถือว่าไม่ต่อสัญญา จะไม่คืนเงินประกัน (ส่วนใหญ่จึงเริ่มรวมตัวกัน และให้ผมเป็นหนึ่งในแกนนำที่จะเจรจาขอเรียกร้องเพื่อถามความชัดเจนในการทำงาน)
Mr.T วันนี้วันที่ 25มีนาคม2557 Part 2

ความทรงจำและบทเรียนในชีวิตครั้งใหม่...3
ในวันที่ 25 มีนาคม เมื่อแม่ค้ารวมตัวกันในพื้นที่บิ๊กซี ทางบิ๊กซีเมื่อทราบว่ามีปัญหาจึงส่งคนลงมาพูดคุยกับแม่ค้า ผมต้องสารภาพตรงๆเรื่องหนึงครับ ว่าที่ทางบิ๊กซีส่งคนลงมาคุย บุคคลิกของผูเจรจานั้นเปิดกว้างมาก ดูเป็นคนที่ไม่มีเอนเอียงฝ่ายใด คือเราฟังว่าแม่ค้าคิดอย่างไรแล้วนำ ปัญหานี้ไปพูดคุยให้ออแกร์ไนส์เก่าและใหม่ฟัง (ในตอนนั้นผมยังไม่ทราบจริงๆว่าพี่คนที่มาคุยเค้าอยู่ในตำแหน่งใดของบิ๊กซี แต่พอเราได้พูดคุยกับพี่เค้า มันทำให้เราซึ่งเป็นแม่ค้ารู้สึกได้ว่า บิ๊กซี ห่วงใยเราและให้ความสำคัญกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นเพื่อร่วมกันแก้ไข (ผมรู้สึกนับถือนำ้ใจ ความตั้งใจ ความเข้าใจที่เหมาะสำหรับคนทำงานที่ดีคนนึงจริง มันสบายใจที่เค้ายังรับฟังปัญหาเราเพื่อเอาไปแก้ไข)จนมีคนมาบอกผมว่า พรุ่งนี้ M10(คือพนักงานบิ๊กซีคนที่ดูแลพื้นที่ให้เช่า)เค้านั้นคุยกับเราตอนบ่าย 2 โมง เพื่อจะคุยแก้ปัญหาโดยเชิญออแกร์ไนส์ใหม่และเก่ามาพูดคุยด้วย
Mr.T วันนี้วันที่ 25มีนาคม2557 Part 3

ความทรงจำและบทเรียนในชีวิตครั้งใหม่...4
ในวันที่ 26 มีนาคม ตัวผมเองขอบอกเลยครับว่านอนไม่หลับ เพราะต้องคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นภายในวันนี้ ผมสรุปให้ฟังแบบนี้ครับ..ผมคาดเดาว่าโต็ะเจรจาที่จะเกิดขึ้นนี้ มันจะคุยกันไม่จบและไม่ได้ เพราะ ต่างคนต่างมีเหตุผลส่วนตัวในการคิดและทำแตกต่างกัน ออแกร์ไนส์เค้าต้องมาทำกำไรเพื่อให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดสำหรับเค้าอยู่แล้ว ทางด้านแม่ค้า ที่ผมกลัวมากคือ มันต้องมีคนที่พอใจและไม่พอใจอย่างแน่นอนกับบสิ่งที่จะทำ เพราะจะให้ถูกใจทุกคน คงเป็นไปได้ยาก และเมื่อเค้าให้แกนนำมาพูดคุยกัน ผมเองก็บอกกับทางตัวแทนแม่ค้าเลย ว่าตัวผมเองจะไม่ว่าร้ายใคร ที่เราทำอยู่นั้นไม่มีผิดหรือถูกแต่ตัวเราเองนั้นรักษาสิทธิของตัวเอง เพื่อผลประโยชน์เช่นกัน แต่แม่ค้าส่วนใหญ่ อยากขึ้นไปเพื่อ ต่อว่าออร์แกไนส์เก่าซะมากกว่า ผมจึงบอกกับแม่ค้าว่าผม ไม่อยากไปเป็นตัวแทน เพราะยังไง ก็ต้องโดนว่าทั้งหน้าและหลังอยู่แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ แสดงว่า สถานการณ์ในการเจรจาเราจะควบคุมไม่ได้ สรุปตบท้ายไม่ทันไร แม่ค้าก็เริ่มทะเลาะกันเองแล้วครับ....เฮ้อ ...สัพัก ทางแม่ค้าไปขร้องแม่ผมให้มาพูดกับผมเพื่อไปช่วยเป็นตัวแทนในการเจรจา และประโยคที่ผมบอกกับแม่ ตัวเองคือ แม่รู้ไหม ที่ เราทำแบบนี้ จะไมม่ใครขอบคุณเราหรอกน่ะ แต่จริงแค่ขอให้เค้ายังไม่เกลียดเราเป็นพอ แม่บอกไม่เป็นไรอะไรจะเกิดมันต้องเกิด ผมบอกแม่ว่าถ้าเป็นแบบนั้น เราแพ้ตั้งแต่ยังไม่คุยแล้ว เพราะมันไม่ได้เรียกการเจรจา แต่มันกลายไปเป็นต่อว่าเค้ามากกว่า แม่บอกช่างมัน ให้ไปทำหน้าที่แทนแม่ค้าเค้าหน่อยเค้าเรียกร้องมา (ในใจผมตอนนั้นรู้สึกยังไง รู้ไหมครับ แม่ส่งเราไปแดนประหาร โดยเราต้องรับทุกอย่างเต็มๆจากนี้ไป)
Mr.T วันนี้วันที่ 26มีนาคม2557 Part 4

ความทรงจำและบทเรียนในชีวิตครั้งใหม่...5
ต้องสารภาพตรงๆครับ ว่าก่อนไปเจรจา ตัวเผมเองได้มีแนวทางและ คาดเดาไว้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น...จากนี้ไป ....
แล้วก็ถึงห้องเจรจา ดูM10ของบิ๊กซีบางพลีจัดการประชุมน่ะครับ ห้องทำงานของเอ็ม10อยู่ด้านหลัง Food Court ให้แม่ค้าที่เป็นตัวแทนไปเอาเก้าอี้มาเองและหยิบมานั่งรวมกันในห้องทำงานที่M10อยู่ซึ่งเล็กมากๆๆๆ เล็กไม่พอเสียงเครื่องทำนำแข็งดังมากในขณะที่พูดคุยกัน ผมจึงพูดขึ้นว่า โทษน่ะครับ พี่จะประชุมที่นี่หรือ แล้วจะนั่งกันพอได้ยังไง รู้ไหมครับ M10ของบิ๊กซีพูดว่าอะไร คนอื่นเค้าก็นั่งได้ทำไมคุณจะนั่งไม่ได้ ผมบอกไม่ใช่นั่งไม่ได้ แต่มันดูแล้วไม่เหมาะสมที่จะนั่งเจรจากันมันเล็กไปและเสียงดังครับ (ที่ผมงงไปกว่านั้นคือ)ออร์แกไนส์หใม่ ลุกขึ้น ชี้หน้าผมครับ แล้วบอกว่า ถ้าไม่อยากเจรจาก็ออกไปเลย ไม่มีใครต้องการคุณ(คำตอบในการเจรจาได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยครับ)นั้นคือทางออแกร์ไนส์ไม่ด้ตั้งใจมารับฟังอยู่แล้ว และทางM10ของบิ๊กซี ก็ไม่ได้ใส่ใจให้เกียรติและตั้งใจจะแก้ปัญหาเลย ไม่พอน่ะครับ ระหว่างนั้นผมก็เข้าไปนั่งเพราะอยากให้เรื่องมันจบ (ก็หยิบกล้ิองขึ้นมาถ่ายวีดีโอ เพื่อที่จะเอาไปให้แม่ค้าดูครับว่าเราเจรจาอะไรกัน เพราะไม่งั้นแม่ค้าจะต้องมารุมถาม แล้วตัวแทนที่เข้าไป 5 คน จะพูดไม่เหมือนกัน สู้เอาไปให้เค้าดูดีกว่า) ออแกร์ไนส์คนเดิมก็โวยวายขึ้นอีกครับ บอกว่าผมไม่ให้เกียรติ M10 เพราะไม่ถามไถ่เค้าก่อนแล้วทำแบบนี้ไม่มีมารยาท ปัญหามันก็เป็นแบบนี้หล่ะครับ ผมคาดไว้แล้ว เพราะถ้าตัวเค้าตั้งใจมารับฟังจริง เค้าจะไม่กลัวอะไรเลย กลายเป็นเค้าเปลี่ยนประเด็นไปเรื่อยๆ หาเรื่องไม่จบ (ผมก็ยอมหยุดถ่ายวีดีโอ) เค้าก็หันมาเล่นงานที่ผมทันทีเรื่องของมารยาท เรื่องที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ ทาง M10 ของบิ๊กซีไม่ได้ที่จะต้องการให้แก้ปัญหานี้เลย เพราะในระหว่างที่พูดไป หน้าเค้าจ้องหน้าผมเขม่งแบบจะกินหัวเลยหล่ะ พอถึงประเด็นตอนที่ผมพูด ผมก็บอกว่าปัญหามันมาจากเรื่องที่เราต้องการคำมั่นใจว่าออร์แกไนส์ใหม่จะจัดการยังไง M10นั้นไม่ได้รับฟังแม่ค้าเท่าที่ควรเลยครับ ตัว M10เองพูดขึ้นมาว่า ถ้าออร์แกไนส์เก่านั้นประมูลได้อีก พวกคุณจะทำยังไง คำตอบของมันคือ คนในห้องเงียบหมด แม่ค้าที่ไปเป็นตัวแทน หงอ เพราะกลัวไม่มีที่ขายของก็ยอมไปกันหมด สรุปปัญหานี้ก็ไม่ได้แก้ไข จนมีคนสงสัยว่า ทาง M10 น่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับทางออแกร์ไนส์อย่างแน่นอน ความจริงใจในการจะแก้ไขปัญหานั้นคนละเรื่องกับ คนที่ส่งมาเมื่อวานเลย สิ่งที่เค้าต่อ คือการข่มขู่บอกใครที่มีปัญหาต้องเจอกับผมแล้วมองมาที่ผม สรุปแล้ว เค้าต้องการจะมาเอากำไรอย่างเดียวโดยไม่สนใจแม่ค้าเลย ทางบิ๊กซีเองนั้นก็จะให้คนที่ทำงานแบบนี้มาเอาเปรียบคนในพื้นที่อย่างนั้นหรือครับ ผิดหวังจริงๆ
Mr.T หลังจากพูดคุยประชุมกัน

ความทรงจำและบทเรียนในชีวิตครั้งใหม่...6
หลังจากเจรจาลงมา ข้อสรุปไม่ได้อะไร รับปากว่าจะพิจารณาเป็นรายบุคคลและให้แม่ค้าทุกคนกลับไปจ่ายค่าที่ดั้งเดิม นั้นคือผลสรุปที่ได้หลังจากเจรจา...เรื่องที่เจ็บปวดมากสำหรับผม คือ แม่ผมกลับมาว่าผมบอกว่า ผมใช้อารมณ์ไม่มีมารยาท เพราะแม่โดนM10 ว่ามา แม่บอกแม่ผิดหวังมากที่ผมทำตัวแบบนี้ คุณฟังแล้วรู้สึกยังไงครับ...(ทั้งทืี่เค้าขอร้องให้เราไปทำและเจ็บกว่านั้นคือเราทำเพื่อเค้า ยังไม่จบ พี่สาวตัวเอง ยังไม่ทันถามเลยว่าเหตุการณ์และสถานการณ์เป็นยังไง เข้ามาว่าต่อจากแม่เลย ว่ามึงอะทำไม่ถูก ไม่ควรไปพูดแบบนั้น ซึ้งใจไหมครับสำหรับคำว่า"ครอบครัว" เราต้องไปอยู่ในสถานการณ์นั้นก็แย่อยู่แล้ว เราเป็นคนเดียวในนั้น ที่พูดถึงเงื่อนไขและถามความชัดเจน ตามที่ทุกคนต้องการ แต่....ผลที่ได้รับ คือ !!!!!!!!!
Mr.T ตอนนี้ผมเป็นยังไงรู้ไหมครับ แม่ง !!! โคตรทรมาณ


ความทรงจำและบทเรียนในชีวิตครั้งใหม่...7
ข้อสรุปของบทเรียนนี้ ต้องโทษตัวเองน่ะครับ ที่ตัวเราเองทำไม่ได้อย่างใจเค้า โทษตัวเองนั้นหล่ะครับ ที่เค้าพูดว่าเราได้ แต่พอเราอธิบายเค้าไม่ฟัง โทษตัวเองน่ะครับ ที่ปฏิเสธเค้าไม่ได้ที่ต้องไปเป็นตัวแทนเค้าทั้งที่เราไม่ต้องการเป็น โทษตัวเองน่ะครับ ที่แม่งเป็นลูกที่ไม่ดีสำหรับเค้า โทษตัวเองอยู่นี่หล่ะครับ ว่าไม่สามรถเอาความรู้สึกแย่ๆเหล่านี้ออกไปจากความรู้สึกและหัวได้เลย
Mr.T จุดเริ่มต้นเรื่องยุ่งๆในชีวิต บางทีมันแบบไม่ทันตั้งตัวและเหนื่อยจริงๆ

ความทรงจำและบทเรียนในชีวิตครั้งใหม่...8
วันนี้แปลกใจมากครับ เวลาบ่าย 3โมง พี่สาวผมเดินมาบอกผมให้ไปขอโทษM10(พนักงานของบิ๊กซีที่ดูแลพื้นที่การประมูล)เพราะแม่โทรมาบอกว่าM10โกรธมากอยากให้ผมไปขอโทษ....
ผม...ฟังแล้วคิดยังไงรู้ไหมครับ...
1.ทำไมผมต้องไป ...ผมผิดอะไรหรือที่ทวงถามความถูกต้องและสิทธีของเรา ที่ไม่ยอมให้คนอื่นมาเอาเปรียบ(แล้วตัวเราไปทำร้ายเค้าตรงไหน หรือ....?)
2.ถ้าผมไม่ไปจะเกิดอะไรขึ้น... แม่ไม่สบายใจ กลายเป็นเราอกกตัญญูไม่เชื่อฟังพ่อแม่..
สรุป....ความถูกต้องที่กับกตัญญู สิ่งไหนสำคัญกว่ากัน .....?
Mr.T รู้สึกได้อย่างหนึ่ง พ่อแม่เราสอนให้เราเริ่มไม่เชื่อในความดีและความถูกต้องแล้วจริงหรือ หรือเค้าปราถนาดีโดยถ้าเราไม่ทำตาม เราจะเลวทันที คุณว่าสิ่งไหนควรทำ......ดี

จุดเริ่มต้นของจุดจบ....ของประสบการณ์ชีวิต4 เมษายน 56

เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมือ ผมพึ่งมีปัญหาทะเลาะกับแม่ จากคำถามที่ผมถามแม่ว่า"แม่ไม่ถามออแกร์ไนส์ใหม่หรือ ว่าเค้าจะตั้งโต๊ะเจรจากับเราหรือเปล่า ตามที่เค้าพูดไว้ต่อหน้าบิ๊กซีและกลุ่มแม่ค้าอย่างเรา"แม่ผมตอบกลับมาว่า..."ธียังไม่จบอีกหรอ คนอื่นเค้าจบกันหมดแล้ว" ผมตอบแม่ว่า "มันจบแล้วหรือครับ ผมว่ามันเพิ่งเริ่มต่างหาก" จากนั้นแม่ก็บ่ายเบี่ยงละเปลี่ยนเรื่อง จนผลสุดท้าย พูดคุยกันไม่รู้เรื่อง
สำหรับผมมีคำถามและคำตอบ อยู่ในตัวเองกับเรื่องนี้อยู่แล้ว...คุณเชื่อไหมครับ
ประเด็นแรก ที่ผมถามแม่ในสิ่งที่ควรถาม เพราะเรื่องนี้ เราอยู่กับสิ่งที่เรียกว่าความถุกต้อง เราถามท่านด้วยความถูกต้อง เพราะท่าน บอกให้เรารอ และต่อว่าเราในการกระทำวันนั้น(ที่พูดคุยกันต่อหน้า ผู้ใหญ่ที่แม่ให้เกียรติมากกว่า ลูกของท่านเอง)แล้วความเป็นผู้ใหญ่ที่ ท่านๆมี วันนี้คืออะไรหรือครับ ----ไม่มีการตั้งโต๊ะเจรจาเหมือนที่รับปากไว้ -------ประเด็นนี้ผมตอบได้เลยครับ ผมคิดไว้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะถ้าผู้ที่ถือว่าตัวเองมีอำนาจ ไม่สนใจปัญหา เค้าจะไม่สนใจหรืออยากแก้ปัญหาแน่นอน---ซึ่งในความจริงข้อนี้ แม่ต่อว่าเราวั้นนั้นได้เข้าใจหรือยัง ว่าสรุปที่เราทำวันนั้นไปเพื่ออะไร
ประเด็นที่สอง ที่ผมถามแม่แบบนั้น คำตอบเรื่องนี้ ถ้าท่านมองอย่างเข้าใจและสนใจความถูกต้องจริงๆ ท่านจะตอบผมด้วย "เหตุผล ไม่ใช่ อารมณ์ครับ" แต่เวลาตอบมาจะเปลี่ยนเรื่อง เมื่อผมหาเหตุผลมาตอบท่านได้ทุกเรื่อง ก็ใช้อารมณ์กลบเกลื่อนสถานการณ์ให้หนักไปอีก จนบางทีตัวเองยังบอกกับตัวผมเองเลย นี่เราอกกตัญญู โดยที่ท่านไม่เข้าใจเลยจริงๆหรอ
ประเด็นที่สาม เรื่องของการจัดการพื้นที่ภายในบิ๊กซี สรุปเรื่องที่น่าตกใจ คือ มีคนมาบอกผมว่าค่าที่จะขึ้นอีก จากวันละ 700อาจไปถึง 900บาท เพราะออแกร์ไนส์ใหม่ต้องเช่าอุปกรณ์เพิ่มจากออแกร์ไนส์เก่า ฟังแล้วดู กลุ้มกลิ่มมากครับ เพราะแม่ผมพูดประโยคเดิมอีกแล้ว ไม่เอายายจวง(ออแกร์ไนส์เก่า) เป็นเหมือนเดิมอีก ที่ผมกลุ้มกลิ่มเพราะว่า ไม่แปลกใจเลย ไม่ตั้งโต๊ะเจรจาไม่พอ ยังขึ้นค่าที่โดยไม่พัฒนาอีก สิ่งที่เจ็บปวดกว่านั้นคือ แม่ค้าเหล่านั้นมีสองอย่างที่ต้องทำ คือ ทนอยู่ หรือ ต้องออกไปหาพื้นที่ใหม่ในการทำกิจการตัวเอง
Mr.Tผมสรุปให้ฟังครับ หลังจากผ่านเรื่องนี้มา เรื่องที่น่าตกใจมากในสังคมไทย จะมีผู้ใหญ่สักกี่คนที่เป็นคนดี คนที่พร้อมจะเข้าใจ ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ของตน จนลืมส่วนรวม บนโลกใบนี้จะมีสักกี่คนที่มองเห็นปัญหาและกล้าออกมาต่อสู้กับความไม่ถูกต้องในสังคม และน่าสงสารที่สังคมไทย คนดีๆและเก่งๆน้อยลงไปทุกที ในหลวงท่านเคยตรัสไว้ คนดีและคนไม่ดีมีอยู่ทั่วไป แต่เราจะทำยังไงให้คนดีปกครองคนไม่ดีได้เหล่า......ทรงพระเจริญ

วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2557

หวยเปลี่ยนชีวิต

   มีเรื่องเล่าให้ฟังครับ เมื่อวานคุณแม่บอกให้ผมช่วยพาไปส่งโรงพยาบาลด่วนเลย หายใจไม่ออก อาการดูแย่มาก อาเจียน หน้าซีด ยืนไม่ไหว (เวลาประมาณ บ่า่ยหนึ่ง) คุณหมอพยาบาลรีบมาช่วยแม่กันเยอะมากเพราะแม่ดูอาการไม่ดีเลย หมอสั่งให้แม่หยุดทำงานและนอนโรงพยาบาลก่อนเพื่อพักฟื้นและดูอาการ...
(ประมาณบ่ายสีโมง หลังจากหวยออก)--- แม่ถูกหวย 60,000 บาท--- ตอนเย็นเห็นคุณแม่กลับบ้านมาได้อย่างปลอดภัย (กลับมาเองด้วย)และดูมีกำลังใจอย่างที่สุด....
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..... หวย เปลี่ยน ชีวิต คุณ ได้ 555